Pages - Menu

วันศุกร์ที่ 19 กันยายน พ.ศ. 2568

ขับรถEV ทำไมถึงเมารถ พร้อมเทคนิคง่ายๆขับสบายตลอดทาง

สาเหตุที่ทำให้เกิดอาการเมารถ EV

ขับรถEV ทำไมถึงเมารถ

                    อาการเมารถ EV (Electric Vehicle) หรือรถยนต์ไฟฟ้า เกิดขึ้นได้จากหลายปัจจัย โดยหลัก ๆ แล้วเกี่ยวข้องกับความรู้สึกของร่างกายที่ตอบสนองต่อการเคลื่อนไหวที่แตกต่างไปจากรถยนต์สันดาปภายในแบบปกติครับ

1.แรงบิดที่มาทันทีและแรงเหวี่ยงที่รุนแรง (Instant Torque and Strong Deceleration

                   รถ EV มีมอเตอร์ไฟฟ้าที่สามารถส่งกำลังและแรงบิดได้อย่างรวดเร็วและทันทีที่เหยียบคันเร่ง ทำให้รถพุ่งตัวออกไปอย่างรวดเร็วผิดปกติ ซึ่งร่างกายอาจจะยังไม่ทันตั้งตัว

                   ในทางกลับกัน ระบบเบรกแบบชาร์จไฟกลับ (Regenerative Braking) ของรถ EV ก็จะทำให้เกิดการหน่วงความเร็วที่รุนแรงและฉับพลันเมื่อยกเท้าออกจากคันเร่งหรือเหยียบเบรก ทำให้ร่างกายรู้สึกถึงแรงเหวี่ยงไปข้างหน้าอย่างฉับพลัน ซึ่งบางคนอาจไม่ชินกับความรู้สึกนี้

2. ความเงียบของห้องโดยสาร (Silent Cabin)

                   รถ EV มีเสียงรบกวนในห้องโดยสารที่น้อยมากเมื่อเทียบกับรถยนต์สันดาปภายในปกติ ทำให้ผู้โดยสารไม่ได้ยินเสียงเครื่องยนต์หรือเสียงการเคลื่อนที่ของรถ ซึ่งปกติแล้วเสียงเหล่านี้จะช่วยให้สมองรับรู้และประมวลผลการเคลื่อนไหวของรถได้ แต่เมื่อไม่มีเสียง สมองจะอาศัยเพียงข้อมูลจากสายตาและการรับรู้ของร่างกายเท่านั้น ทำให้เกิดความไม่สอดคล้องกันระหว่างสิ่งที่ตาเห็นกับสิ่งที่ร่างกายรู้สึก ซึ่งเป็นสาเหตุหลักของอาการเมารถรถ EV มีเสียงรบกวนในห้องโดยสารที่น้อยมากเมื่อเทียบกับรถยนต์สันดาปภายในปกติ ทำให้ผู้โดยสารไม่ได้ยินเสียงเครื่องยนต์หรือเสียงการเคลื่อนที่ของรถ ซึ่งปกติแล้วเสียงเหล่านี้จะช่วยให้สมองรับรู้และประมวลผลการเคลื่อนไหวของรถได้ แต่เมื่อไม่มีเสียง สมองจะอาศัยเพียงข้อมูลจากสายตาและการรับรู้ของร่างกายเท่านั้น ทำให้เกิดความไม่สอดคล้องกันระหว่างสิ่งที่ตาเห็นกับสิ่งที่ร่างกายรู้สึก ซึ่งเป็นสาเหตุหลักของอาการเมารถ

3. การขับขี่แบบ One-Pedal Driving

                   ฟังก์ชันการขับขี่แบบ One-Pedal Driving ที่อนุญาตให้ผู้ขับใช้เพียงคันเร่งเพื่อเร่งและชะลอความเร็ว ทำให้การลดความเร็วเป็นไปอย่างรวดเร็วและฉับพลันเมื่อยกเท้าออกจากคันเร่ง ทำให้ผู้โดยสารรู้สึกถึงการกระชากอย่างต่อเนื่อง ซึ่งส่งผลให้เกิดอาการเมารถได้

วิธีบรรเทาอาการเมารถ EV

  • ปรับการขับขี่ให้สมูทขึ้น: หากคุณเป็นผู้ขับขี่ ควรหลีกเลี่ยงการเร่งหรือเบรกอย่างรุนแรง พยายามขับขี่ให้ต่อเนื่องและนุ่มนวลที่สุด
  • มองไปข้างหน้า: ผู้โดยสารควรโฟกัสสายตาไปที่ทิวทัศน์ด้านนอกรถหรือมองไปข้างหน้าไกลๆ เพื่อให้สายตากับร่างกายรับรู้การเคลื่อนไหวที่สอดคล้องกัน
  • เปิดกระจกหรือปรับอากาศ: การไหลเวียนของอากาศที่ถ่ายเทจะช่วยให้รู้สึกดีขึ้น
  • หลีกเลี่ยงการใช้โทรศัพท์หรืออ่านหนังสือ: การก้มหน้าลงจะทำให้เกิดอาการเมารถได้ง่ายขึ้น

หากยังไม่ดีขึ้นลองหาตัวช่วยที่ลดหรือป้องกันอาการเมารถได้ดังนี้

1. แผ่นแปะแก้เมารถ (Motion Sickness Patch)

แผ่นแปะแก้เมารถ

                   เป็นหนึ่งในสินค้าที่ได้รับความนิยมมากที่สุด เพราะใช้ง่าย พกพาสะดวก และไม่ต้องรับประทานยา แผ่นแปะเหล่านี้มักจะมีสารสกัดจากสมุนไพร เช่น ขิง มิ้น หรือส่วนประกอบอื่น ๆ ที่ช่วยบรรเทาอาการคลื่นไส้และวิงเวียน แนะนำให้แปะก่อนออกเดินทางประมาณ 20-30 นาที เพื่อให้สารออกฤทธิ์ได้เต็มที่

  • วิธีการใช้: ส่วนใหญ่จะแนะนำให้แปะที่หลังใบหู (บริเวณที่ไม่มีผมหรือแผล) หรือบางยี่ห้ออาจแนะนำให้แปะที่สะดือ

2. ยาแก้เมารถ

ยาแก้เมารถ

                    สำหรับผู้ที่มีอาการเมารถรุนแรง หรือต้องการการป้องกันที่ได้ผลแน่นอน การรับประทานยาแก้เมารถเป็นทางเลือกที่ดี ยาเหล่านี้มีหลายประเภท

  • ยาแก้เมารถแบบไม่ง่วง: เช่น Dimenhydrinate หรือ Meclizine บางยี่ห้อมีส่วนผสมที่ทำให้ง่วงน้อยลงกว่าปกติ
  • ข้อควรระวัง: ควรอ่านฉลากยาและปรึกษาเภสัชกรก่อนใช้เสมอ โดยเฉพาะสำหรับเด็ก ผู้สูงอายุ หรือผู้ที่มีโรคประจำตัว

3. อุปกรณ์อื่นๆ

                    นอกจากยาและแผ่นแปะแล้ว ยังมีอุปกรณ์และสินค้าอื่น ๆ ที่น่าสนใจที่อาจช่วยบรรเทาอาการเมารถได้

ยาดมแก้เมารถ
  • สายรัดข้อมือแก้เมารถ (Acupressure Wristband): เป็นสายรัดข้อมือที่ออกแบบมาเพื่อกดจุดเฉพาะบนข้อมือ ซึ่งเชื่อว่าช่วยลดอาการคลื่นไส้ได้โดยไม่ต้องใช้ยา
  • น้ำมันหอมระเหยหรือยาดม: กลิ่นหอมเย็น ๆ จากน้ำมันหอมระเหย เช่น กลิ่นมิ้นต์ หรือน้ำมันยูคาลิปตัส สามารถช่วยให้รู้สึกสดชื่นและบรรเทาอาการคลื่นไส้ได้
  • ลูกอมหรือเจลลี่รสมิ้นต์/ขิง: ขิงเป็นสมุนไพรที่มีฤทธิ์ช่วยบรรเทาอาการคลื่นไส้ได้เป็นอย่างดี การอมลูกอมหรือทานเจลลี่ที่มีส่วนผสมของขิงจะช่วยให้รู้สึกดีขึ้นได้

เพื่อความอุ่นใจที่มากกว่า: อย่าลืมตรวจเช็กประกันอุบัติเหตุรถยนต์

                    นอกเหนือจากการเตรียมตัวเพื่อป้องกันอาการเมารถแล้ว ความปลอดภัย บนท้องถนนก็เป็นสิ่งสำคัญที่ผู้ใช้รถ EV ไม่ควรมองข้ามครับ แม้ว่าเราจะขับขี่อย่างระมัดระวัง แต่เหตุการณ์ไม่คาดฝันอย่างอุบัติเหตุย่อมเกิดขึ้นได้เสมอ ยิ่งรถยนต์ไฟฟ้ามีเทคโนโลยีและชิ้นส่วนที่ซับซ้อน เช่น แบตเตอรี่ หรือระบบขับเคลื่อนไฟฟ้าที่อาจมีราคาซ่อมแซมสูงกว่ารถยนต์สันดาปทั่วไป

                    ดังนั้น เพื่อให้ทุกการเดินทางเต็มไปด้วยความสุขและความอุ่นใจ การทำประกันอุบัติเหตุรถยนต์ จึงเป็นเกราะป้องกันที่จำเป็นอย่างยิ่ง เพราะจะช่วยคุ้มครองและลดภาระค่าใช้จ่ายในการซ่อมแซมได้มหาศาล ทำให้คุณขับ EV ได้อย่างมั่นใจในทุกเส้นทางครับ

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น