7.4 แสนบาทต่อครัวเรือน! "หนี้" ที่กำลังกัดกินคนไทยปี 68
ผลสำรวจล่าสุดของมหาวิทยาลัยหอการค้าไทยระบุว่าในปี 2568 หนี้ครัวเรือนไทยเฉลี่ยอยู่ที่ 7.4 แสนบาทต่อครัวเรือน ซึ่งเป็นตัวเลขที่สูงที่สุดในรอบ 4 ปี และเป็นปัญหาที่สะท้อนให้เห็นถึงความเปราะบางทางเศรษฐกิจของประเทศ โดย 5 อันดับแรกของประเภทหนี้ที่ครัวเรือนไทยก่อขึ้นมากที่สุด ได้แก่
5 อันดับหนี้ครัวเรือนของคนไทยปี 2567-2568
- หนี้บัตรเครดิตและหนี้ส่วนบุคคล: หนี้ประเภทนี้เป็นหนี้ที่ครัวเรือนไทยก่อขึ้นมากที่สุด โดยเฉพาะกลุ่มพนักงานเอกชนและกลุ่มรับจ้าง เนื่องจากใช้เพื่อการอุปโภคบริโภคในชีวิตประจำวัน รวมถึงการซื้อสินค้าคงทนและอุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์
หนี้ที่อยู่อาศัย: หนี้บ้านและที่อยู่อาศัยเป็นหนี้ระยะยาวที่มีมูลค่าสูง และเป็นหนี้หลักของกลุ่มวัยสร้างครอบครัว
หนี้ยานพาหนะ: หนี้ประเภทนี้เป็นหนี้ที่ตามหลังหนี้ที่อยู่อาศัยมาอย่างใกล้ชิด โดยเฉพาะในกลุ่มข้าราชการที่มักก่อหนี้เพื่อซื้อรถยนต์และมอเตอร์ไซค์
หนี้เพื่อการประกอบธุรกิจ: หนี้ประเภทนี้เกิดขึ้นจากความต้องการในการลงทุนหรือขยายกิจการของเจ้าของธุรกิจ โดยเฉพาะในช่วงที่เศรษฐกิจยังไม่ฟื้นตัวเต็มที่
หนี้เพื่อการเกษตร: เป็นหนี้ที่เกษตรกรก่อขึ้นเพื่อใช้ในการเพาะปลูกและทำเกษตรกรรม ซึ่งราคาพืชผลทางการเกษตรที่ตกต่ำเป็นปัจจัยสำคัญที่ทำให้หนี้ประเภทนี้เพิ่มสูงขึ้น
สาเหตุหลักของการสร้างหนี้
สาเหตุหลักที่ทำให้หนี้ครัวเรือนเพิ่มสูงขึ้นในปีนี้คือ ภาวะเศรษฐกิจที่ไม่ดี รายได้ลดลง และค่าครองชีพที่สูงขึ้น ทำให้ประชาชนมีรายได้ไม่เพียงพอต่อรายจ่าย และต้องหันไปพึ่งพาการกู้ยืมเพื่อรักษาสภาพคล่องทางการเงิน ทั้งจากสถาบันการเงินในระบบและหนี้นอกระบบที่เพิ่มสูงขึ้นอย่างน่ากังวล
นอกจากนี้ การเข้าถึงสินเชื่อที่ง่ายขึ้นในช่วงที่ผ่านมา และความจำเป็นในการใช้จ่ายฉุกเฉิน ก็เป็นอีกปัจจัยที่ทำให้คนไทยมีหนี้สินเพิ่มขึ้น โดยเฉพาะกลุ่มวัยสร้างครอบครัว (อายุ 35-50 ปี) ที่เป็นกลุ่มที่มีภาระหนี้สูงที่สุด เนื่องจากต้องรับผิดชอบค่าใช้จ่ายต่างๆ ทั้งของตัวเอง ครอบครัว และบุตร
เมื่อหนี้ครัวเรือนพุ่งสูง... ถึงเวลาวางแผนการเงินด้วย "ประกันออมทรัพย์"
หนี้ครัวเรือนที่พุ่งสูงในปี 2567-2568 ทำให้เราเห็นภาพชัดเจนว่าคนไทยกำลังเผชิญกับความท้าทายทางการเงินอย่างหนัก ไม่ว่าจะเป็นหนี้บัตรเครดิต หนี้บ้าน หรือหนี้รถยนต์ ซึ่งล้วนแต่เป็นภาระทางการเงินระยะยาว การจัดการหนี้สินจึงไม่ใช่แค่การหาเงินมาใช้หนี้ให้หมดไป แต่เป็นการวางแผนชีวิตในระยะยาวเพื่อให้มี "เงินออม" สำหรับอนาคตด้วย และหนึ่งในเครื่องมือที่น่าสนใจก็คือ ประกันออมทรัพย์ลดหย่อนภาษี
หนี้สินและเงินออม: สองสิ่งที่ต้องเดินคู่กันไป
การมีหนี้ไม่ได้หมายความว่าคุณไม่สามารถออมเงินได้ ตรงกันข้าม การออมเงินควบคู่ไปกับการบริหารหนี้เป็นสิ่งสำคัญที่จะช่วยสร้างความมั่นคงทางการเงินในระยะยาวได้ การเริ่มต้นออมเงินแม้เพียงเล็กน้อยอย่างสม่ำเสมอจะช่วยให้คุณมี "กระสุน" สำรองไว้ใช้ในยามฉุกเฉิน และยังเป็นรากฐานสำหรับเป้าหมายทางการเงินที่ใหญ่ขึ้น เช่น การเกษียณอายุ หรือการศึกษาของบุตร
แต่การออมเงินในยุคนี้อาจไม่ง่ายอย่างที่คิด เพราะมีปัจจัยหลายอย่างที่ทำให้เงินออมลดลง เช่น ภาวะเงินเฟ้อที่ทำให้ค่าเงินลดลง และอัตราดอกเบี้ยเงินฝากที่ต่ำมาก ดังนั้น การมองหาเครื่องมือที่ให้ผลตอบแทนที่ดีกว่าและช่วยสร้างวินัยในการออมจึงเป็นเรื่องจำเป็น
ประกันออมทรัพย์: ทางเลือกที่ตอบโจทย์ทั้งการออมและการวางแผนภาษี
ประกันออมทรัพย์เป็นผลิตภัณฑ์ทางการเงินที่ผสมผสานระหว่างการออมและการประกันภัยเข้าด้วยกัน โดยมีจุดเด่นที่น่าสนใจหลายประการ:
สร้างวินัยในการออม: การชำระเบี้ยประกันเป็นงวดๆ จะช่วยสร้างวินัยทางการเงินให้คุณอย่างสม่ำเสมอ เพราะหากหยุดจ่ายเบี้ยอาจส่งผลกระทบต่อความคุ้มครองและผลตอบแทนที่ควรจะได้รับ
ได้รับผลตอบแทนที่แน่นอน: เมื่อสิ้นสุดสัญญา คุณจะได้รับเงินก้อนคืนพร้อมผลตอบแทนตามที่ระบุไว้ในกรมธรรม์ ซึ่งมักจะสูงกว่าการฝากเงินในบัญชีออมทรัพย์ทั่วไป ทำให้เงินของคุณงอกเงยได้อย่างมั่นคง
ลดหย่อนภาษีได้: ประกันออมทรัพย์บางประเภทสามารถนำเบี้ยประกันไปลดหย่อนภาษีได้ ทำให้คุณประหยัดเงินในส่วนของภาษีได้อีกต่อหนึ่ง ซึ่งเป็นประโยชน์อย่างยิ่งสำหรับผู้ที่มีภาระภาษีสูง
ความคุ้มครองชีวิต: นอกจากผลตอบแทนจากการออมแล้ว ยังมีความคุ้มครองชีวิตติดมาด้วย ซึ่งจะช่วยแบ่งเบาภาระทางการเงินของครอบครัวหากเกิดเหตุการณ์ไม่คาดฝันขึ้นกับผู้เอาประกัน
เมื่อรู้แล้วต้องลงมือทำ: วางแผนการเงินเพื่อก้าวออกจากวงจรหนี้
การเริ่มต้นวางแผนการเงินด้วยประกันออมทรัพย์สามารถทำได้ง่ายๆ โดยเริ่มจาก:
สำรวจภาระหนี้: ประเมินหนี้สินทั้งหมดที่คุณมี เพื่อให้เห็นภาพรวมของสถานะทางการเงินและจัดการหนี้สินที่มีดอกเบี้ยสูงก่อน
กำหนดเป้าหมายการออม: ตั้งเป้าหมายที่ชัดเจนว่าต้องการออมเงินเท่าไหร่ และภายในระยะเวลาใด เช่น เพื่อการเกษียณ เพื่อการศึกษาของบุตร หรือเพื่อเป็นเงินสำรองฉุกเฉิน
เลือกแบบประกันที่เหมาะสม: ศึกษาแบบประกันออมทรัพย์ที่หลากหลายและเลือกแบบที่สอดคล้องกับเป้าหมายทางการเงินและความสามารถในการชำระเบี้ยของคุณ เช่น แบบระยะสั้น 5 ปี หรือแบบระยะยาว 10-15 ปี
เริ่มต้นออมทันที: อย่ารอให้พร้อมแล้วจึงค่อยเริ่ม เพราะวินาทีแรกที่คุณเริ่มต้นออม คือวินาทีแรกที่ความมั่นคงทางการเงินของคุณเริ่มก่อตัวขึ้น
แม้ว่าหนี้ครัวเรือนจะเป็นปัญหาใหญ่ แต่การมีวินัยทางการเงินที่ดีและการเลือกใช้เครื่องมือที่เหมาะสมอย่าง ประกันออมทรัพย์ลดหย่อนภาษี จะช่วยให้คุณสามารถจัดการกับภาระหนี้สินไปพร้อมๆ กับการสร้างความมั่นคงทางการเงินในอนาคตได้ เริ่มต้นวางแผนตั้งแต่วันนี้ เพื่อให้ชีวิตในวันหน้าเป็นชีวิตที่คุณเลือกได้เอง
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น