ตลาดรถยนต์ไฟฟ้าในสหรัฐอเมริกากำลังเผชิญกับภาวะ "สต็อกล้น" (Inventory Backlog) ซึ่งเป็นสัญญาณที่บ่งชี้ว่าอุปทานในปัจจุบันมีมากกว่าความต้องการของผู้บริโภคอย่างชัดเจน
1. ภาพรวมสถานการณ์สต็อก
ปริมาณสต็อกสูง: มีรายงานว่ามีรถยนต์ไฟฟ้าใหม่ที่ยังขายไม่ได้ค้างอยู่ในโชว์รูมและลานจอดของผู้จำหน่ายทั่วสหรัฐฯ มากกว่า 130,000 คัน (ตัวเลข ณ วันที่ล่าสุด)
วันในการขายที่เพิ่มขึ้น: ในอดีต รถ EV ใช้เวลาขายเฉลี่ยประมาณ 36 วัน แต่ตัวเลขนี้ได้เพิ่มขึ้นเป็นกว่า 70-90 วัน ซึ่งสูงกว่าระยะเวลาเฉลี่ยของรถยนต์ที่ใช้เครื่องยนต์สันดาปทั่วไป (ICE) อย่างมาก
2. สาเหตุหลักของปัญหาสต็อกล้น
ราคาสูงและความสามารถในการซื้อ (Affordability): รถ EV ส่วนใหญ่ยังมีราคาสูงกว่ารถยนต์ทั่วไปอย่างมีนัยสำคัญ ทำให้ผู้บริโภคจำนวนมากยังไม่พร้อมที่จะเปลี่ยนผ่าน
ความกังวลเรื่องโครงสร้างพื้นฐานการชาร์จ: "ความกังวลเรื่องระยะทาง" (Range Anxiety) และการขาดแคลนสถานีชาร์จที่สะดวกสบายและครอบคลุมทั่วประเทศ (โดยเฉพาะในพื้นที่ชนบท) ยังคงเป็นอุปสรรคสำคัญ
การเพิ่มการผลิตอย่างรวดเร็ว: ผู้ผลิตรถยนต์ (OEMs) ได้เร่งกำลังการผลิต EV อย่างมาก เพื่อให้สอดคล้องกับเป้าหมายการเปลี่ยนผ่านเป็นรถยนต์ไฟฟ้าของรัฐบาลสหรัฐฯ ทำให้การผลิตนำหน้าความต้องการของตลาด
ความนิยมในกลุ่มไฮบริด (Hybrid) ที่เพิ่มขึ้น: ผู้บริโภคจำนวนมากหันไปเลือกรถยนต์ไฮบริด (HEV) หรือปลั๊กอินไฮบริด (PHEV) เป็นทางเลือกแรก เนื่องจากมีความคุ้มค่ากว่าและสามารถบรรเทาความกังวลเรื่องการชาร์จได้
ความไม่แน่นอนของนโยบายรัฐบาล: ความไม่แน่นอนเกี่ยวกับการคงอยู่หรือการเปลี่ยนแปลงมาตรการจูงใจทางภาษี (EV Tax Credit) และกฎระเบียบอื่น ๆ ภายใต้การบริหารประเทศชุดใหม่ ทำให้ผู้บริโภคบางส่วนชะลอการตัดสินใจซื้อ
3. ผลกระทบต่ออุตสาหกรรม
การลดราคาและส่วนลด: ผู้ผลิตรถยนต์รายใหญ่ เช่น Tesla, Ford, และ GM ถูกบังคับให้ใช้กลยุทธ์ลดราคาและเสนอส่วนลดที่สูงขึ้นอย่างมาก เพื่อเคลียร์สต็อกและกระตุ้นยอดขาย ส่งผลกระทบต่ออัตรากำไรของบริษัท
การชะลอแผนการผลิต: ผู้ผลิตบางราย เช่น Ford และ General Motors ได้ประกาศลดเป้าหมายการผลิต EV หรือชะลอการเปิดตัว EV รุ่นใหม่บางรุ่นออกไปก่อน เพื่อปรับให้สอดคล้องกับอุปสงค์ที่แท้จริงในตลาด
ผลักดันสู่ไฮบริด: หลายบริษัทได้หันมามุ่งเน้นการผลิตและทำการตลาดรถยนต์ไฮบริดและปลั๊กอินไฮบริดมากขึ้น เพื่อตอบสนองความต้องการของผู้บริโภคที่ต้องการตัวเลือกที่ "เป็นมิตรกับการใช้ไฟฟ้า" ในราคาที่ย่อมเยาลง
ตลาด EV สหรัฐฯ กำลังอยู่ในช่วง "เปลี่ยนผ่าน" ที่ท้าทาย โดยอุปทานกำลังเร่งแซงอุปสงค์ ส่งผลให้ผู้ผลิตต้องทบทวนกลยุทธ์ด้านราคาและแผนการผลิตอย่างหนัก เพื่อปรับตัวเข้าสู่ความเป็นจริงของตลาดที่กำลังชะลอตัวลงในระยะสั้น