แสดงบทความที่มีป้ายกำกับ EV แสดงบทความทั้งหมด
แสดงบทความที่มีป้ายกำกับ EV แสดงบทความทั้งหมด

วันอาทิตย์ที่ 12 ตุลาคม พ.ศ. 2568

เปิดพรมแดง 5 แม่ทัพ EV จีนบุกไทย: เจาะจุดเด่น รุ่นเด่น และยอดขายปี 2025

5EV จีน

          ตลาดรถยนต์ไฟฟ้า (EV) ในประเทศไทยกำลังร้อนระอุ และผู้เล่นหลักที่ขับเคลื่อนตลาดนี้คือแบรนด์จากประเทศจีน ด้วยกลยุทธ์ด้านราคาที่เข้าถึงได้ง่าย เทคโนโลยีที่อัดแน่น และความรวดเร็วในการนำเสนอรุ่นใหม่ ทำให้แบรนด์เหล่านี้ก้าวขึ้นมาเป็น "แม่ทัพ" ที่ครองใจผู้บริโภคชาวไทยอย่างรวดเร็ว

          นี่คือการวิเคราะห์ 5 แม่ทัพ EV ยอดนิยมจากจีนในตลาดประเทศไทย พร้อมเจาะลึกจุดเด่น รุ่นเด่น และสถิติยอดขายสะสม 5 เดือนแรกของปี 2025 (มกราคม - พฤษภาคม)

5 แม่ทัพ EV จีนบุกไทย

แบรนด์ จุดเด่นของแบรนด์ รุ่นเด่นในตลาดไทย ยอดจดทะเบียนสะสม (ม.ค. - พ.ค. 2568)
BYD ผู้นำตลาดด้านยอดขาย และเทคโนโลยีแบตเตอรี่ Blade Battery ที่เน้นความปลอดภัยสูง ทนทาน และการรับประกันที่ยาวนาน มีรุ่นรถที่หลากหลายครอบคลุมหลายกลุ่มราคา BYD ATTO 3: รถ SUV ไฟฟ้าที่ได้รับความนิยมสูงที่สุด BYD Dolphin: รถ Hatchback ราคาเข้าถึงง่าย BYD Sealion 7: SUV ใหม่ที่เริ่มทำยอดขายได้ดี ประมาณ 15,951 คัน (ครองส่วนแบ่งสูงสุด)
GAG AION เน้นเทคโนโลยีแบตเตอรี่และระยะทางการขับขี่ เป็นค่ายที่รุกตลาดอย่างหนักหน่วงด้วยการนำเสนอรถที่มีดีไซน์ทันสมัย และขนาดที่ตอบโจทย์ครอบครัว AION Y Plus: รถ SUV ทรงกล่อง ดีไซน์กว้างขวาง ราคาคุ้มค่า AION V: รถ SUV เน้นเทคโนโลยีและระยะทางการวิ่งที่ดี ประมาณ 4,917 คัน
MG แบรนด์แรกที่บุกตลาดไทยอย่างจริงจัง (ภายใต้การร่วมทุนกับ SAIC) มีเครือข่ายศูนย์บริการที่ค่อนข้างแข็งแกร่ง และนำเสนอรถยนต์ที่เน้น สมรรถนะการขับขี่แบบสปอร์ต และความคุ้มค่า MG4 Electric: รถ Hatchback ขับเคลื่อนล้อหลัง เน้นสมรรถนะการขับขี่แบบ Fun-to-Drive MG ZS EV: SUV ไฟฟ้าที่เน้นความอเนกประสงค์และการใช้งานในเมือง ประมาณ 4,304 คัน
GWM เน้นดีไซน์ Retro-Futuristic และการสร้างแบรนด์ย่อยที่ชัดเจน (เช่น ORA, HAVAL, TANK) เป็นเจ้าแรก ๆ ที่ทำตลาด EV ในไทยอย่างจริงจัง โดยชูจุดเด่นด้านเทคโนโลยีและความฉลาดของรถ ORA Good Cat: ดีไซน์น่ารักโดนใจกลุ่มผู้หญิงและคนเมือง ORA 07: รถสปอร์ตคูเป้ไฟฟ้าที่เน้นความหรูหรา ประมาณ 2,905 คัน (ส่วนใหญ่เป็น ORA Good Cat)
DEEPAL เทคโนโลยีอัจฉริยะและนวัตกรรม: โดดเด่นด้วยเทคโนโลยีล้ำสมัย เช่น ชิปประมวลผล Qualcomm Snapdragon 8155, หน้าจอสัมผัสซันฟลาวเวอร์ (15.6 นิ้ว) ที่ปรับทิศทางอัตโนมัติหาผู้ขับขี่ และระบบแสดงข้อมูลการขับขี่บนกระจกหน้า (HUD) พร้อมระบบนำทางแบบ AR. Deepal S07: รถยนต์ SUV ไฟฟ้าขนาดกลาง ดีไซน์ล้ำสมัย เน้นความอเนกประสงค์และของเล่นไฮเทค (ราคาเริ่มต้นประมาณ 1.399 ล้านบาท) ประมาณ 3,842 คัน

          หมายเหตุ: ยอดจดทะเบียนสะสม อ้างอิงจากสถิติรถยนต์ไฟฟ้า 100% (BEV) จดทะเบียนในประเทศไทย ในช่วง 5 เดือนแรกของปี 2568 (มกราคม - พฤษภาคม)

Case Study: Tesla ชนหนัก! ค่าซ่อมกี่ล้าน ค่าเสาไฟ ใครจ่าย? ไขข้อสงสัย

Tesla

        เมื่อวันที่ 12 ตุลาคม 2568 ได้เกิดอุบัติเหตุครั้งใหญ่ที่เรียกความสนใจจากผู้ใช้รถยนต์ไฟฟ้า (EV) และผู้ขับขี่ทั่วไป เมื่อรถยนต์ Tesla พุ่งชนเสาไฟฟ้าจนขาดครึ่งในพื้นที่จังหวัดชลบุรี เหตุการณ์นี้สร้างความเสียหายมหาศาล และนำมาสู่คำถามสำคัญที่หลายคนสงสัย: เมื่อรถ EV ราคาแพงประสบอุบัติเหตุร้ายแรงเช่นนี้ ประกันภัยจะเข้ามาจัดการอย่างไรบ้าง?

1. เหตุการณ์เกิดขึ้นอย่างไร และใครได้รับความเสียหายบ้าง?

  1. รายละเอียดเหตุการณ์
  2.           อุบัติเหตุครั้งนี้เกิดขึ้นในช่วงเช้ามืดเวลาประมาณ 03.30 น. ในซอยสยามคันทรีคลับ ต.หนองปรือ อ.บางละมุง จ.ชลบุรี โดยรถยนต์ Tesla คันหนึ่งได้ขับมาด้วยความเร็ว และเกิดเสียหลักพุ่งชนเข้ากับเสาไฟฟ้าข้างทางอย่างรุนแรง

  3. ความเสียหายที่เกิดขึ้น
  4.           ความเสียหายที่เกิดขึ้นจากเหตุการณ์นี้แบ่งออกได้เป็น 3 ส่วนหลัก ดังนี้

ผู้ที่ได้รับความเสียหาย รายละเอียดความเสียหาย ผู้รับผิดชอบ (เบื้องต้น)
รถยนต์ Tesla เสาไฟฟ้าขาดครึ่ง (ทรัพย์สินของการไฟฟ้า), รถยนต์เก๋งคันอื่นที่จอดอยู่ข้างทาง, ร้านค้า หรือสิ่งปลูกสร้างริมทาง ประกันรถยนต์ภาคสมัครใจ (ชั้น 1)
ทรัพย์สินบุคคลภายนอก ตัวรถด้านหน้าพังยับเยิน เสียหายหนักจนอาจต้องพิจารณาซ่อมใหญ่หรือเข้าข่ายเสียหายสิ้นเชิง (Total Loss) ประกันรถยนต์ภาคสมัครใจ (ชั้น 1)
ผู้ขับขี่/บุคคลอื่น ผู้ขับขี่รถ Tesla (ได้รับบาดเจ็บเล็กน้อย) ประกันรถยนต์ภาคบังคับ (พ.ร.บ.) และ ประกันชั้น 1 หมวดค่ารักษาพยาบาลส่วนบุคคล

2. จากเหตุการณ์นี้ ประกันชั้น 1 และ พ.ร.บ. คุ้มครองอย่างไร?

          อุบัติเหตุครั้งนี้ถือเป็นกรณีที่กรมธรรม์ประกันภัยรถยนต์เข้ามามีบทบาทอย่างเต็มที่ โดยมีรายละเอียดความคุ้มครองดังนี้:

  1. ประกันภัยรถยนต์ภาคสมัครใจ (ประกันชั้น 1)
  2.           เนื่องจากความเสียหายรุนแรงและครอบคลุมทั้งตัวรถและทรัพย์สินของผู้อื่น ประกันชั้น 1 จะเข้ามารับผิดชอบในทุกส่วน:

    • ความเสียหายต่อรถยนต์ Tesla (รถเรา)
      • ประกันจะจ่ายค่าซ่อมแซมความเสียหายของตัวรถทั้งหมด
      • หากความเสียหายเกิน 70-80\% ของมูลค่ารถ (ตามเงื่อนไขกรมธรรม์) บริษัทประกันอาจพิจารณาจ่ายเงินชดเชยตามทุนประกันเต็มจำนวน โดยถือเป็นความเสียหายสิ้นเชิง (Total Loss)
    • ความเสียหายต่อทรัพย์สินบุคคลภายนอก
      • ประกันชั้น 1 จะเข้าชดใช้ความเสียหายต่อทรัพย์สินของผู้อื่นทั้งหมด ตามวงเงินที่ระบุในกรมธรรม์ (รวมถึงค่าซ่อมแซม/ติดตั้งเสาไฟฟ้าใหม่ และความเสียหายต่อรถยนต์คันอื่น)
    • ค่ารักษาพยาบาลส่วนบุคคล
      • ประกันจะจ่ายค่ารักษาพยาบาลของผู้ขับขี่และผู้โดยสาร (ตามที่ระบุในกรมธรรม์) ส่วนที่เกินวงเงินของ พ.ร.บ.
  3. ประกันภัยรถยนต์ภาคบังคับ (พ.ร.บ.)
  4.           พ.ร.บ. จะเข้าคุ้มครองในส่วนของชีวิตและร่างกายของผู้ที่ประสบอุบัติเหตุจากรถทุกฝ่าย (ไม่ว่าจะเป็นผู้ขับขี่ ผู้โดยสาร หรือบุคคลภายนอก) โดยจะจ่ายค่าเสียหายเบื้องต้นโดยไม่ต้องรอพิสูจน์ถูกผิด และมีวงเงินความคุ้มครอง ดังนี้

    ความคุ้มครอง (ต่อ 1 คน) วงเงินขั้นต่ำ (ปัจจุบัน)
    ค่ารักษาพยาบาล (บาดเจ็บ) สูงสุด 80,000 บาท
    กรณีเสียชีวิต/ทุพพลภาพถาวร สูงสุด 500,000 บาท

3. แนะนำปรึกษาเรื่องเงื่อนไขความคุ้มครอง และเช็คราคาเบี้ยประกันฟรี

          อุบัติเหตุครั้งนี้แสดงให้เห็นว่า การเลือกประกันชั้น 1 ที่มีวงเงินความรับผิดชอบต่อทรัพย์สินบุคคลภายนอกสูงนั้นสำคัญอย่างยิ่ง เพราะค่าเสียหายของเสาไฟฟ้า รถยนต์คันอื่น และทรัพย์สินร้านค้า อาจมีมูลค่าสูงมาก

หากท่านกังวลเกี่ยวกับเงื่อนไขความคุ้มครอง หรือต้องการเช็คเบี้ยประกันรถยนต์ไฟฟ้า (EV) ในราคาที่คุ้มค่า

  • ควรปรึกษาผู้เชี่ยวชาญ: ก่อนตัดสินใจต่ออายุหรือเลือกซื้อประกัน ควรปรึกษาผู้ให้บริการประกันภัยที่เชี่ยวชาญด้านรถยนต์ไฟฟ้าโดยเฉพาะ เพื่อให้มั่นใจว่าทุนประกันรถ EV และวงเงินความรับผิดชอบต่อบุคคลภายนอก (ทรัพย์สิน) ครอบคลุมเพียงพอต่อความเสี่ยงของรถราคาสูง
  • เช็คราคาเบี้ยประกันฟรี: ท่านสามารถเปรียบเทียบเงื่อนไขและราคาเบี้ยประกันรถยนต์ชั้น 1 จากบริษัทประกันชั้นนำต่าง ๆ ได้ เพื่อให้ได้แผนที่คุ้มค่าที่สุดก่อนถึงกำหนดต่ออายุ ติดต่อ Allinsure เพื่อรับคำปรึกษาและเช็คราคาเบี้ยประกันฟรี

วันพฤหัสบดีที่ 9 ตุลาคม พ.ศ. 2568

ช็อกวงการ! IONIQ 5 ล็อตเกาหลี ลดสูงสุด 6.7 แสนบาท คุ้มที่สุดในตลาด EV พรีเมียม?

วิกฤตเป็นโอกาส...เมื่อ Hyundai ทุบราคา EV!

          ตลาดรถยนต์ไฟฟ้า (EV) ในไทยกำลังดุเดือดถึงขีดสุด เมื่อ Hyundai IONIQ 5 รถยนต์ไฟฟ้าดีไซน์ล้ำจากเกาหลี ประกาศปรับลดราคาสูงสุดถึง 670,000 บาท สำหรับรถล็อตนำเข้าจากเกาหลี! นี่คือโอกาสทองสำหรับผู้ที่มองหารถยนต์ไฟฟ้าพรีเมียมที่มีเทคโนโลยีล้ำสมัยและดีไซน์โดดเด่น ในราคาที่เข้าถึงได้มากกว่าที่เคย เรามาเจาะลึกรายละเอียดทั้งหมดของ IONIQ 5 ที่มาพร้อมราคาใหม่นี้กัน

1. จุดเด่นผลิตภัณฑ์: EV แพลตฟอร์มเฉพาะ (E-GMP)

          Hyundai IONIQ 5 ไม่ใช่แค่รถยนต์ไฟฟ้าทั่วไป แต่สร้างขึ้นบนแพลตฟอร์มเฉพาะสำหรับรถยนต์ไฟฟ้าโดยตรงอย่าง E-GMP (Electric-Global Modular Platform) ทำให้มีจุดเด่นเหนือกว่ารถที่ดัดแปลงจากโครงสร้างน้ำมัน

  • ห้องโดยสารกว้างขวาง: พื้นรถเรียบสนิท ไม่มีอุโมงค์เกียร์ ทำให้ภายในรู้สึกเหมือน "Living Space" ที่สามารถปรับเปลี่ยนการใช้งานได้หลากหลาย
  • เทคโนโลยีชาร์จ 800V: รองรับการชาร์จเร็วพิเศษ ซึ่งสามารถชาร์จแบตเตอรี่จาก 10% ถึง 80% ได้ในเวลาเพียง 18 นาที (ขึ้นอยู่กับสเปกของรุ่นและสถานีชาร์จ)
  • ฟังก์ชัน V2L (Vehicle-to-Load): สามารถดึงพลังงานไฟฟ้าจากแบตเตอรี่รถยนต์ออกมาใช้กับเครื่องใช้ไฟฟ้าภายนอกได้เสมือนเป็นเครื่องกำเนิดไฟฟ้าเคลื่อนที่

2. งานออกแบบ Retro-Futuristic ที่เป็นเอกลักษณ์

          IONIQ 5 โดดเด่นด้วยภาษาการออกแบบ "Parametric Dynamics" ที่ผสมผสานความล้ำยุคเข้ากับกลิ่นอายรถยนต์คลาสสิก

  • ภายนอก: มาในรูปทรง Crossover ที่มีเส้นสายเรียบง่าย แต่มีรายละเอียดที่สะดุดตา โดยเฉพาะ ไฟหน้าและไฟท้ายแบบ Parametric Pixel ที่เป็นเอกลักษณ์เฉพาะตัวของรถตระกูล IONIQ
  • ภายใน: เน้นความเรียบง่ายและยั่งยืน ใช้วัสดุที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม พร้อมเบาะนั่งคู่หน้าแบบ Relaxion Seat ที่สามารถเอนราบคล้ายเตียงได้เกือบสุด มอบความสะดวกสบายสูงสุดเมื่อต้องพักชาร์จรถ

3. ราคาใหม่และโปรโมชั่นสุดคุ้ม

          การปรับลดราคาครั้งนี้ถือเป็นกลยุทธ์สำคัญของ Hyundai เพื่อกระตุ้นยอดขายในตลาด EV พรีเมียม

  • ส่วนลดสูงสุด: 670,000 บาท สำหรับ IONIQ 5 ล็อตนำเข้าจากเกาหลี (โปรดตรวจสอบราคาและรุ่นย่อยที่ปรับลดกับตัวแทนจำหน่ายอย่างเป็นทางการ เนื่องจากอาจมีการเปลี่ยนแปลงตามสต็อกสินค้า)
  • โปรโมชั่นและสิทธิพิเศษ: โดยปกติ การซื้อรถยนต์ไฟฟ้าจะมาพร้อมสิทธิพิเศษ เช่น ฟรีค่าติดตั้ง Home Charger หรือ ฟรีประกันภัยชั้น 1 (แนะนำให้สอบถามข้อเสนอพิเศษ ณ ช่วงเวลาการซื้อเพิ่มเติม เนื่องจากโปรโมชั่นอาจแตกต่างกันไป)

4. การรับประกันคุณภาพรถยนต์เพื่อความอุ่นใจ

          เพื่อคลายความกังวลในการเป็นเจ้าของรถยนต์ไฟฟ้า IONIQ 5 มาพร้อมแพ็กเกจการรับประกันที่ครอบคลุม

  • การรับประกันตัวรถ: 5 ปี หรือ 150,000 กิโลเมตร (แล้วแต่ระยะใดถึงก่อน)
  • การรับประกันแบตเตอรี่แรงดันสูง: 8 ปี หรือ 160,000 กิโลเมตร (แล้วแต่ระยะใดถึงก่อน) ซึ่งเป็นมาตรฐานที่มอบความมั่นใจในอายุการใช้งานของหัวใจสำคัญของรถ EV

5. วางแผนการเงิน: คาดการณ์เบี้ยประกันภัย EV

          แม้จะได้ส่วนลดราคารถสูง แต่สิ่งสำคัญที่ต้องวางแผนล่วงหน้าคือ ค่าใช้จ่ายในการทำประกันภัย

  • เบี้ยประกันภัยรถยนต์ไฟฟ้า (EV): โดยทั่วไปมักมีราคาสูงกว่ารถยนต์สันดาปในกลุ่มเดียวกัน เนื่องจากมูลค่ารถยนต์ที่สูง และความซับซ้อนของแบตเตอรี่แรงดันสูง ซึ่งทำให้ค่าซ่อมในกรณีเกิดอุบัติเหตุสูงตามไปด้วย
  • คาดการณ์เบี้ยประกันชั้น 1: สำหรับ IONIQ 5 หลังหักส่วนลดแล้ว เบี้ยประกันภัยชั้น 1 อาจอยู่ในช่วงประมาณ 30,000 - 55,000 บาทต่อปี (ตัวเลขนี้เป็นเพียงการประมาณการณ์ ขึ้นอยู่กับทุนประกัน ประวัติผู้ขับขี่ และเงื่อนไขความคุ้มครองของบริษัทประกัน)
  • บริษัทประกันที่ให้บริการ: บริษัทประกันภัยชั้นนำหลายแห่งในไทย เช่น วิริยะประกันภัย, กรุงเทพประกันภัย, ทิพยประกันภัย, และคุ้มภัยโตเกียวมารีน ล้วนมีผลิตภัณฑ์ประกันภัยสำหรับรถยนต์ไฟฟ้าโดยเฉพาะ

คำแนะนำ: ปรึกษาเงื่อนไขประกันก่อนซื้อรถ

          เพื่อความคุ้มค่าสูงสุด คุณควร ปรึกษาเงื่อนไขและเปรียบเทียบเบี้ยประกันภัย อย่างละเอียดก่อนตัดสินใจซื้อรถ เพื่อให้แน่ใจว่าเบี้ยประกันที่คุณจ่ายมีความคุ้มครองที่เหมาะสมกับความเสี่ยงของรถ EV

          คุณสามารถ เปรียบเทียบเงื่อนไขและซื้อประกันรถยนต์ไฟฟ้า ที่ตรงใจและคุ้มค่าที่สุดได้ง่าย ๆ ผ่าน Allinsure ผู้เชี่ยวชาญที่พร้อมให้คำปรึกษาและเปรียบเทียบข้อเสนอจากหลากหลายบริษัทประกัน เพื่อให้การเป็นเจ้าของ Hyundai IONIQ 5 ของคุณเป็นไปอย่างอุ่นใจและคุ้มค่าที่สุด

          อย่าปล่อยให้โอกาสทองในการเป็นเจ้าของ IONIQ 5 ในราคาสุดพิเศษนี้หลุดมือไป!

วันอังคารที่ 7 ตุลาคม พ.ศ. 2568

สุดยอดความคุ้มค่า! BMW i5 EV ประกอบไทย ลงสนามแล้ว ราคาใหม่สุดเร้าใจ

BMW i5 EV ประกอบไทย

          การมาถึงของ BMW i5 รุ่นประกอบในประเทศไทย ถือเป็นก้าวสำคัญของตลาดรถยนต์ไฟฟ้าพรีเมียมในประเทศ ด้วยการยกระดับการผลิตในประเทศ ทำให้ผู้บริโภคชาวไทยได้สัมผัสซีดานไฟฟ้าหรูที่มาพร้อมราคาที่เข้าถึงได้มากขึ้น โดยยังคงไว้ซึ่งสมรรถนะและความล้ำสมัยตามมาตรฐาน BMW

จุดเด่นด้านผลิตภัณฑ์และการออกแบบ

          BMW i5 คือรถซีดานไฟฟ้า 100% ในตระกูล BMW Series 5 เจเนอเรชันที่ 8 ที่ผสานความหรูหราแบบผู้บริหารเข้ากับเทคโนโลยี EV ล่าสุด

  • สมรรถนะทรงพลัง: รุ่นเรือธงอย่าง i5 M60 xDrive มาพร้อมระบบขับเคลื่อน 4 ล้อ มอเตอร์ไฟฟ้าคู่ ให้กำลังสูงสุดถึง 601 แรงม้า อัตราเร่ง 0−100 กม./ชม. ใน 3.8 วินาที ขณะที่รุ่น i5 eDrive40 ให้กำลัง 340 แรงม้า
  • ระยะทางวิ่ง: สามารถวิ่งได้ไกลสูงสุดถึง 582 กม. ต่อการชาร์จเต็ม 1 ครั้ง (ตามมาตรฐาน WLTP)
  • การออกแบบ: คงเอกลักษณ์ความหรูหราและสปอร์ตของซีรีส์ 5 พร้อมความล้ำสมัยของรถ EV ด้วยกระจังหน้า BMW Kidney Grille ที่มาพร้อมไฟ Iconic Glow มอบความโดดเด่นสะดุดตา

ราคาจำหน่ายและเงื่อนไขการรับประกัน

          การเปลี่ยนจากรุ่นนำเข้า (CBU) เป็นรุ่นประกอบในประเทศ (CKD) ส่งผลให้ราคาจำหน่ายมีความยืดหยุ่นและน่าสนใจยิ่งขึ้น

    • BMW i5 eDrive40 M Sport: ราคาเริ่มต้นประมาณ 4.59-4.99 ล้านบาท
    • BMW i5 M60 xDrive: ราคาเริ่มต้นประมาณ 5.59 ล้านบาท
  • การรับประกันคุณภาพรถยนต์ (Warranty)
    • ตัวรถ: ลูกค้าสามารถเลือกการรับประกันตัวรถได้นานสูงสุด 6 ปี ไม่จำกัดระยะทาง
    • แบตเตอรี่แรงดันสูง: มาพร้อมการรับประกันที่ยาวนานและครอบคลุม
  • โปรโมชั่นและสิทธิพิเศษ (BSI)
  • ลูกค้าจะได้รับแพ็กเกจ BMW Service Inclusive (BSI) ที่ครอบคลุมการบำรุงรักษาตามระยะทางและอะไหล่แท้สูงสุดถึง 6 ปี ทำให้เจ้าของรถไม่ต้องกังวลเรื่องค่าใช้จ่ายในการบำรุงรักษาในระยะยาว

การคาดการณ์เบี้ยประกันภัยชั้น 1

          เนื่องจาก BMW i5 เป็นรถยนต์ไฟฟ้าราคาสูง (ทุนประกันประมาณ 4 - 5.5 ล้านบาท) และมีต้นทุนอะไหล่ ระบบไฟฟ้า รวมถึงแบตเตอรี่ที่สูงมาก ทำให้เบี้ยประกันภัยชั้น 1 จะอยู่ในระดับพรีเมียม

  • เบี้ยประกันภัยชั้น 1 คาดการณ์: ประมาณ ≈75,000 - 120,000 บาทต่อปี (ขึ้นอยู่กับประวัติดี, อายุผู้ขับขี่ และรูปแบบการซ่อม: ซ่อมห้าง/ซ่อมอู่)
  • บริษัทประกันที่ให้บริการ: บริษัทประกันชั้นนำส่วนใหญ่ที่รับประกันรถยุโรปและรถ EV ทุนประกันสูง ล้วนมีผลิตภัณฑ์สำหรับ BMW i5 เช่น วิริยะประกันภัย, AXA, คุ้มภัยโตเกียวมารีน เป็นต้น

คำแนะนำเรื่องประกันภัยรถยนต์: ต้องละเอียดรอบคอบ

          สำหรับรถยนต์ไฟฟ้าระดับพรีเมียมอย่าง BMW i5 การเลือกประกันภัยไม่ได้ขึ้นอยู่กับราคาเพียงอย่างเดียว แต่ต้องเน้นที่ ความคุ้มครองที่ครอบคลุม และ คุณภาพบริการ เมื่อเกิดเหตุ

สิ่งที่ต้องเน้นในการตรวจสอบเงื่อนไขประกัน

  1. ความคุ้มครองแบตเตอรี่: ต้องมั่นใจว่าให้ทุนประกันสูงและเงื่อนไขการเคลมครอบคลุมความเสียหายจากอุบัติเหตุ
  2. Wall Charger และสายชาร์จ: มีความคุ้มครองในกรณีเกิดความเสียหายหรือไฟไหม้ขณะชาร์จไฟหรือไม่
  3. เครือข่ายศูนย์ซ่อม: เลือกบริษัทที่ให้สิทธิ์ "ซ่อมห้าง (ศูนย์บริการ BMW)" เพื่อรับรองการใช้อะไหล่แท้และการซ่อมจากช่างผู้เชี่ยวชาญ EV โดยเฉพาะ

          หากคุณต้องการเปรียบเทียบข้อเสนอที่ดีที่สุดและมั่นใจได้ว่าจะได้รับแผนประกันที่ครอบคลุมทุกความเสี่ยงของรถ EV ราคาหลักล้านอย่าง BMW i5

          เราขอแนะนำให้คุณปรึกษาเงื่อนไขประกันและซื้อประกันรถยนต์กับ Allinsure ที่พร้อมให้บริการเปรียบเทียบเบี้ยประกันชั้น 1 จากหลายบริษัทชั้นนำในตลาด เพื่อให้คุณได้ความคุ้มครองสูงสุดในราคาที่คุ้มค่าที่สุดสำหรับซีดานไฟฟ้าสุดหรูคันนี้ของคุณ

วันอาทิตย์ที่ 28 กันยายน พ.ศ. 2568

มั่นใจเต็มร้อย! เจาะลึกประกันรถยนต์ EV OMODA & JAECOO 5EV

ประกันรถยนต์ Jaecoo 5ev

          OMODA & JAECOO 5EV คือปรากฏการณ์ใหม่ในตลาดรถยนต์ไฟฟ้าไทย ด้วยยอดจองที่ถล่มทลายและราคาที่เข้าถึงง่าย แต่ความตื่นเต้นในการเป็นเจ้าของ EV นั้นต้องมาพร้อมกับความมั่นใจด้านความคุ้มครอง เพราะค่าซ่อมแบตเตอรี่และระบบไฟฟ้าคือเรื่องใหญ่ Allinsure ชวนคุณมาหาคำตอบว่าทำไมคุณถึงมั่นใจได้เต็มที่เมื่อเลือกซื้อประกันภัยรถยนต์สำหรับรถคันโปรดของคุณ

OMODA & JAECOO คือใคร?

          OMODA & JAECOO เป็นแบรนด์ภายใต้ Chery Automobile ผู้ผลิตรถยนต์อันดับ 1 ของจีนด้านการส่งออกยาวนานกว่า 22 ปี ด้วยฐานลูกค้ากว่า 15 ล้านคนทั่วโลก Chery มีความมุ่งมั่นในการลงทุนในไทย ทั้งการสร้างโรงงานประกอบรถยนต์ EV ที่ระยอง และการสำรองอะไหล่ในคลังขนาดใหญ่ (พร้อมสำรองอะไหล่สูงถึง 94% และตั้งเป้า 100% เร็วๆ นี้) ซึ่งสะท้อนความมั่นคงและพร้อมให้บริการหลังการขายอย่างจริงจัง

เจาะลึก: OMODA & JAECOO 5EV

จุดเด่นผลิตภัณฑ์ ข้อจำกัดผลิตภัณฑ์
1.คุ้มค่าเกินราคา: ราคาเปิดตัวที่ทำให้ตลาดแตก ด้วยออปชั่นและเทคโนโลยีที่จัดเต็ม 1.แบรนด์ใหม่ในตลาดไทย: แม้จะมีเครือข่ายระดับโลก แต่ความคุ้นเคยของคนไทยยังอยู่ในช่วงเริ่มต้น
2.ระบบความปลอดภัยสูง: มาพร้อมระบบช่วยเหลือการขับขี่อัจฉริยะ (ADAS) ครบครัน และการรับรองความปลอดภัย 2.เครือข่ายศูนย์บริการ: ยังอยู่ในช่วงขยายตัว แม้จะเร่งเพิ่มจำนวนแต่ยังไม่ครอบคลุมเท่าแบรนด์ที่อยู่มาก่อน
3.ช่วงล่างดีเกินคาด: ได้รับคำชมว่าให้การขับขี่ที่นุ่มนวลและเกาะถนนได้ดี 3.ระยะทางวิ่ง (ต่อการชาร์จ): อาจไม่ใช่ตัวเลขสูงสุดเมื่อเทียบกับคู่แข่งราคาสูงกว่า แต่ถือว่าเพียงพอต่อการใช้งานในชีวิตประจำวัน

การรับประกันคุณภาพรถยนต์: OMODA & JAECOO

  • รับประกันคุณภาพตัวรถ (Warranty): 8 ปี หรือ 200,000 กม.

  • รับประกันมอเตอร์ขับเคลื่อน/แบตเตอรี่ High Voltage: 8 ปี หรือ 160,000 กม.

เลือกคู่แท้: 3 บริษัทประกันที่เข้าใจรถยนต์ EV

  1. วิริยะประกันภัย: เครือข่ายอู่ซ่อมครอบคลุมกว้างขวางทั่วประเทศ และเป็นที่ไว้วางใจในการเคลมอะไหล่รถยนต์ไฟฟ้า

  2. กรุงเทพประกันภัย: มีผลิตภัณฑ์ประกันภัย EV โดยเฉพาะ ให้ความคุ้มครองความเสียหายต่อแท่นชาร์จรถยนต์ที่บ้าน และบริการช่วยเหลือฉุกเฉินเฉพาะทาง

  3. แอกซ่าประกันภัย (AXA): มีบริการ AXA Roadside Service for EV ที่โดดเด่น เช่น บริการยกรถไปสถานีชาร์จที่ใกล้ที่สุด ซึ่งตอบโจทย์ปัญหาแบตเตอรี่หมดกลางทาง

จัดเต็มความเท่ อุปกรณ์ตกแต่ง JAECOO 5EV ที่นิยมที่สุด

    พรมปูพื้นรถยนต์ JAECOO 5 EV 2025
  1. พรมปูพื้นรถยนต์ 3D/5D (TPE): ป้องกันความชื้นและสิ่งสกปรกเข้าระบบไฟฟ้าได้ดี, ทำความสะอาดง่าย, เข้าทรงสวยงาม

  2. เคสหนังแท้หุ้มพวงกุญแจรีโมตรถ JAECOO 5 EV
  3. ฝาครอบกุญแจรถยนต์รีโมท: ปกป้องกุญแจรถจากรอยขีดข่วนและการตกกระแทก, เสริมความพรีเมียมหรูหรา

  4. ที่นอนเป่าลมอัตโนมัติในรถ
  5. ที่นอนเป่าลมอัตโนมัติในรถ: สำหรับสายแคมป์ปิ้งหรือเดินทางไกล เปลี่ยนห้องโดยสารด้านหลังให้เป็นพื้นที่พักผ่อนได้สบาย

บทสรุป: มั่นใจขับขี่ ปลอดภัยด้วยประกันที่ใช่

          OMODA & JAECOO 5EV คือรถยนต์ไฟฟ้าที่คุ้มค่าและมีอนาคตที่สดใสในไทย ด้วยการรับประกันคุณภาพจากโรงงานที่ยาวนาน แต่การดูแลรถ EV นั้นซับซ้อนกว่ารถสันดาปทั่วไป และการซ่อมแซมก็มีราคาสูง ความมั่นใจที่คุณมีต่อรถ ต้องมีในกรมธรรม์ประกันภัยด้วย

          อย่าปล่อยให้ความเสี่ยงมาบดบังความสนุกในการขับ EV ตัดสินใจให้คุ้มค่าที่สุด! เลือกแผนประกันภัยรถยนต์ EV ชั้น 1 ที่ดีที่สุดจากบริษัทชั้นนำที่คุณไว้วางใจ และได้ความคุ้มครองครบวงจร

          คลิ๊กเลย! ให้ Allinsure ผู้เชี่ยวชาญด้านประกันวินาศภัย เปรียบเทียบและดูแลกรมธรรม์ OMODA & JAECOO 5EV ของคุณ เพื่อความอุ่นใจทุกการเดินทาง พร้อมรับข้อเสนอสุดพิเศษสำหรับลูกค้า EV โดยเฉพาะ!

วันอาทิตย์ที่ 21 กันยายน พ.ศ. 2568

เจาะลึก Lotus Emeya 600 รถสปอร์ตไฟฟ้าหรู ก่อนเป็นเจ้าของ

เจาะลึก Lotus Emeya 600 รถสปอร์ตไฟฟ้าหรู ก่อนเป็นเจ้าของ

Lotus Emeya 600

          ในโลกของยานยนต์ไฟฟ้าที่กำลังเติบโตอย่างรวดเร็ว Lotus Emeya 600 คือชื่อที่โดดเด่นและน่าจับตามอง ด้วยการผสานระหว่างสมรรถนะอันเป็นเลิศแบบรถสปอร์ตและเทคโนโลยีสมัยใหม่ที่ครบครัน บทความนี้จะพาทุกท่านไปทำความรู้จักกับรถยนต์รุ่นนี้อย่างลึกซึ้ง ตั้งแต่ความน่าเชื่อถือ, จุดเด่น, ข้อจำกัด, ไปจนถึงการรับประกันและการเลือกซื้อประกันภัยที่จำเป็น

Lotus Emeya 600: ความน่าเชื่อถือที่มาพร้อมนวัตกรรม

          Lotus เป็นแบรนด์รถยนต์สัญชาติอังกฤษที่มีประวัติศาสตร์ยาวนานในการสร้างสรรค์รถสปอร์ตน้ำหนักเบาและมีสมรรถนะสูง เมื่อก้าวเข้าสู่โลกของรถยนต์ไฟฟ้า Emeya 600 ก็ยังคงรักษา DNA ดังกล่าวไว้อย่างเหนียวแน่น ด้วยแพลตฟอร์มไฟฟ้าที่พัฒนาขึ้นใหม่ ทำให้ Emeya 600 มีโครงสร้างตัวถังที่แข็งแกร่งและปลอดภัยสูง ระบบจัดการแบตเตอรี่และระบบขับเคลื่อนไฟฟ้าได้รับการออกแบบและทดสอบอย่างพิถีพิถัน เพื่อให้มั่นใจในประสิทธิภาพและความน่าเชื่อถือในระยะยาว

  • ความน่าเชื่อถือของแบรนด์: Lotus อยู่ภายใต้การดูแลของ Geely ซึ่งเป็นกลุ่มยานยนต์ยักษ์ใหญ่ของจีน ทำให้การลงทุนในการวิจัยและพัฒนาเป็นไปอย่างต่อเนื่องและมีประสิทธิภาพ ทำให้มั่นใจได้ว่า Emeya 600 จะได้รับการพัฒนาและปรับปรุงอย่างสม่ำเสมอ
  • สมรรถนะที่ไว้วางใจได้: มอเตอร์ไฟฟ้าคู่ให้พละกำลังมหาศาล พร้อมระบบขับเคลื่อนสี่ล้อที่ช่วยเพิ่มการยึดเกาะถนนและการควบคุมรถในทุกสภาวะ

จุดเด่นที่ทำให้ Emeya 600 เหนือกว่าคู่แข่ง

  • ดีไซน์ที่โฉบเฉี่ยวและหรูหรา: Emeya 600 มีรูปลักษณ์ภายนอกที่ดุดันและลู่ลมตามหลักอากาศพลศาสตร์ ภายในห้องโดยสารตกแต่งอย่างประณีตด้วยวัสดุคุณภาพสูง ให้ความรู้สึกพรีเมียมและทันสมัย
  • อัตราเร่งที่น่าทึ่ง: สามารถทำความเร็วจาก 0-100 กม./ชม. ได้ในเวลาเพียง 2.8 วินาที ซึ่งเป็นตัวเลขที่เทียบเท่ากับรถ Supercar
  • เทคโนโลยีล้ำสมัย: มาพร้อมหน้าจอแสดงผลขนาดใหญ่ ระบบช่วยเหลือการขับขี่ขั้นสูง (ADAS) และฟีเจอร์ความปลอดภัยครบครัน
  • การชาร์จที่รวดเร็ว: รองรับการชาร์จแบบ DC Fast Charging ที่สามารถชาร์จแบตเตอรี่จาก 10% เป็น 80% ได้ในเวลาเพียง 18 นาที ทำให้การเดินทางระยะไกลเป็นไปได้อย่างราบรื่น

ข้อจำกัดที่ควรพิจารณา

  • ราคาที่เข้าถึงยาก: ด้วยเทคโนโลยีและสมรรถนะระดับสูง ทำให้ Lotus Emeya 600 มีราคาจำหน่ายที่ค่อนข้างสูงเมื่อเทียบกับรถยนต์ไฟฟ้าทั่วไป
  • การบริการหลังการขาย: เนื่องจากเป็นรถรุ่นใหม่ในตลาด การขยายเครือข่ายศูนย์บริการและอู่ซ่อมอาจต้องใช้เวลา
  • ระยะทางการใช้งาน: แม้จะมีระยะทางที่น่าพอใจ แต่การใช้งานจริงอาจแตกต่างกันไปขึ้นอยู่กับพฤติกรรมการขับขี่และสภาวะการจราจร

การรับประกันคุณภาพและการดูแลรถ

          Lotus Emeya 600 มาพร้อมกับการรับประกันคุณภาพตัวรถที่น่าเชื่อถือ เพื่อให้ลูกค้ามั่นใจในการเป็นเจ้าของ โดยทั่วไปแล้วจะมีการรับประกันตัวรถ, แบตเตอรี่, และระบบขับเคลื่อนไฟฟ้าแยกต่างหาก โปรดตรวจสอบรายละเอียดการรับประกันกับผู้จำหน่ายอย่างเป็นทางการอีกครั้ง เพื่อให้มั่นใจว่าคุณจะได้รับการดูแลอย่างดีที่สุดตลอดการใช้งาน

สร้างความอุ่นใจด้วยประกันอุบัติเหตุรถยนต์

          แม้ว่า Lotus Emeya 600 จะมาพร้อมกับเทคโนโลยีความปลอดภัยขั้นสูง แต่ไม่มีใครสามารถคาดเดาอุบัติเหตุบนท้องถนนได้ การเลือกซื้อ ประกันอุบัติเหตุรถยนต์ จึงเป็นสิ่งสำคัญที่ไม่ควรมองข้าม โดยเฉพาะอย่างยิ่งสำหรับรถยนต์ที่มีมูลค่าสูงเช่นนี้

          ประกันภัยรถยนต์ ไม่เพียงแต่จะช่วยคุ้มครองค่าซ่อมแซมรถของคุณในกรณีที่เกิดอุบัติเหตุเท่านั้น แต่ยังครอบคลุมความเสียหายที่อาจเกิดขึ้นกับคู่กรณี, ทรัพย์สิน, และการบาดเจ็บทางร่างกายด้วย การมีประกันภัยที่เหมาะสมจะช่วยลดภาระทางการเงินและสร้างความอุ่นใจในการขับขี่ได้เป็นอย่างดี

          Lotus Emeya 600 คือการผสมผสานที่ลงตัวระหว่างความหรูหรา, สมรรถนะ, และเทคโนโลยีอนาคต หากคุณกำลังมองหารถยนต์ไฟฟ้าที่ให้ทั้งความตื่นเต้นในการขับขี่และความทันสมัยในทุกมิติ Emeya 600 คือตัวเลือกที่คุณต้องพิจารณา และอย่าลืม ทำประกันอุบัติเหตุรถยนต์ เพื่อปกป้องการลงทุนและสร้างความอุ่นใจในการเดินทางของคุณในทุกเส้นทาง

วันศุกร์ที่ 19 กันยายน พ.ศ. 2568

ขับรถEV ทำไมถึงเมารถ พร้อมเทคนิคง่ายๆขับสบายตลอดทาง

สาเหตุที่ทำให้เกิดอาการเมารถ EV

ขับรถEV ทำไมถึงเมารถ

                    อาการเมารถ EV (Electric Vehicle) หรือรถยนต์ไฟฟ้า เกิดขึ้นได้จากหลายปัจจัย โดยหลัก ๆ แล้วเกี่ยวข้องกับความรู้สึกของร่างกายที่ตอบสนองต่อการเคลื่อนไหวที่แตกต่างไปจากรถยนต์สันดาปภายในแบบปกติครับ

1.แรงบิดที่มาทันทีและแรงเหวี่ยงที่รุนแรง (Instant Torque and Strong Deceleration

                   รถ EV มีมอเตอร์ไฟฟ้าที่สามารถส่งกำลังและแรงบิดได้อย่างรวดเร็วและทันทีที่เหยียบคันเร่ง ทำให้รถพุ่งตัวออกไปอย่างรวดเร็วผิดปกติ ซึ่งร่างกายอาจจะยังไม่ทันตั้งตัว

                   ในทางกลับกัน ระบบเบรกแบบชาร์จไฟกลับ (Regenerative Braking) ของรถ EV ก็จะทำให้เกิดการหน่วงความเร็วที่รุนแรงและฉับพลันเมื่อยกเท้าออกจากคันเร่งหรือเหยียบเบรก ทำให้ร่างกายรู้สึกถึงแรงเหวี่ยงไปข้างหน้าอย่างฉับพลัน ซึ่งบางคนอาจไม่ชินกับความรู้สึกนี้

2. ความเงียบของห้องโดยสาร (Silent Cabin)

                   รถ EV มีเสียงรบกวนในห้องโดยสารที่น้อยมากเมื่อเทียบกับรถยนต์สันดาปภายในปกติ ทำให้ผู้โดยสารไม่ได้ยินเสียงเครื่องยนต์หรือเสียงการเคลื่อนที่ของรถ ซึ่งปกติแล้วเสียงเหล่านี้จะช่วยให้สมองรับรู้และประมวลผลการเคลื่อนไหวของรถได้ แต่เมื่อไม่มีเสียง สมองจะอาศัยเพียงข้อมูลจากสายตาและการรับรู้ของร่างกายเท่านั้น ทำให้เกิดความไม่สอดคล้องกันระหว่างสิ่งที่ตาเห็นกับสิ่งที่ร่างกายรู้สึก ซึ่งเป็นสาเหตุหลักของอาการเมารถรถ EV มีเสียงรบกวนในห้องโดยสารที่น้อยมากเมื่อเทียบกับรถยนต์สันดาปภายในปกติ ทำให้ผู้โดยสารไม่ได้ยินเสียงเครื่องยนต์หรือเสียงการเคลื่อนที่ของรถ ซึ่งปกติแล้วเสียงเหล่านี้จะช่วยให้สมองรับรู้และประมวลผลการเคลื่อนไหวของรถได้ แต่เมื่อไม่มีเสียง สมองจะอาศัยเพียงข้อมูลจากสายตาและการรับรู้ของร่างกายเท่านั้น ทำให้เกิดความไม่สอดคล้องกันระหว่างสิ่งที่ตาเห็นกับสิ่งที่ร่างกายรู้สึก ซึ่งเป็นสาเหตุหลักของอาการเมารถ

3. การขับขี่แบบ One-Pedal Driving

                   ฟังก์ชันการขับขี่แบบ One-Pedal Driving ที่อนุญาตให้ผู้ขับใช้เพียงคันเร่งเพื่อเร่งและชะลอความเร็ว ทำให้การลดความเร็วเป็นไปอย่างรวดเร็วและฉับพลันเมื่อยกเท้าออกจากคันเร่ง ทำให้ผู้โดยสารรู้สึกถึงการกระชากอย่างต่อเนื่อง ซึ่งส่งผลให้เกิดอาการเมารถได้

วิธีบรรเทาอาการเมารถ EV

  • ปรับการขับขี่ให้สมูทขึ้น: หากคุณเป็นผู้ขับขี่ ควรหลีกเลี่ยงการเร่งหรือเบรกอย่างรุนแรง พยายามขับขี่ให้ต่อเนื่องและนุ่มนวลที่สุด
  • มองไปข้างหน้า: ผู้โดยสารควรโฟกัสสายตาไปที่ทิวทัศน์ด้านนอกรถหรือมองไปข้างหน้าไกลๆ เพื่อให้สายตากับร่างกายรับรู้การเคลื่อนไหวที่สอดคล้องกัน
  • เปิดกระจกหรือปรับอากาศ: การไหลเวียนของอากาศที่ถ่ายเทจะช่วยให้รู้สึกดีขึ้น
  • หลีกเลี่ยงการใช้โทรศัพท์หรืออ่านหนังสือ: การก้มหน้าลงจะทำให้เกิดอาการเมารถได้ง่ายขึ้น

หากยังไม่ดีขึ้นลองหาตัวช่วยที่ลดหรือป้องกันอาการเมารถได้ดังนี้

1. แผ่นแปะแก้เมารถ (Motion Sickness Patch)

แผ่นแปะแก้เมารถ

                   เป็นหนึ่งในสินค้าที่ได้รับความนิยมมากที่สุด เพราะใช้ง่าย พกพาสะดวก และไม่ต้องรับประทานยา แผ่นแปะเหล่านี้มักจะมีสารสกัดจากสมุนไพร เช่น ขิง มิ้น หรือส่วนประกอบอื่น ๆ ที่ช่วยบรรเทาอาการคลื่นไส้และวิงเวียน แนะนำให้แปะก่อนออกเดินทางประมาณ 20-30 นาที เพื่อให้สารออกฤทธิ์ได้เต็มที่

  • วิธีการใช้: ส่วนใหญ่จะแนะนำให้แปะที่หลังใบหู (บริเวณที่ไม่มีผมหรือแผล) หรือบางยี่ห้ออาจแนะนำให้แปะที่สะดือ

2. ยาแก้เมารถ

ยาแก้เมารถ

                    สำหรับผู้ที่มีอาการเมารถรุนแรง หรือต้องการการป้องกันที่ได้ผลแน่นอน การรับประทานยาแก้เมารถเป็นทางเลือกที่ดี ยาเหล่านี้มีหลายประเภท

  • ยาแก้เมารถแบบไม่ง่วง: เช่น Dimenhydrinate หรือ Meclizine บางยี่ห้อมีส่วนผสมที่ทำให้ง่วงน้อยลงกว่าปกติ
  • ข้อควรระวัง: ควรอ่านฉลากยาและปรึกษาเภสัชกรก่อนใช้เสมอ โดยเฉพาะสำหรับเด็ก ผู้สูงอายุ หรือผู้ที่มีโรคประจำตัว

3. อุปกรณ์อื่นๆ

                    นอกจากยาและแผ่นแปะแล้ว ยังมีอุปกรณ์และสินค้าอื่น ๆ ที่น่าสนใจที่อาจช่วยบรรเทาอาการเมารถได้

ยาดมแก้เมารถ
  • สายรัดข้อมือแก้เมารถ (Acupressure Wristband): เป็นสายรัดข้อมือที่ออกแบบมาเพื่อกดจุดเฉพาะบนข้อมือ ซึ่งเชื่อว่าช่วยลดอาการคลื่นไส้ได้โดยไม่ต้องใช้ยา
  • น้ำมันหอมระเหยหรือยาดม: กลิ่นหอมเย็น ๆ จากน้ำมันหอมระเหย เช่น กลิ่นมิ้นต์ หรือน้ำมันยูคาลิปตัส สามารถช่วยให้รู้สึกสดชื่นและบรรเทาอาการคลื่นไส้ได้
  • ลูกอมหรือเจลลี่รสมิ้นต์/ขิง: ขิงเป็นสมุนไพรที่มีฤทธิ์ช่วยบรรเทาอาการคลื่นไส้ได้เป็นอย่างดี การอมลูกอมหรือทานเจลลี่ที่มีส่วนผสมของขิงจะช่วยให้รู้สึกดีขึ้นได้

เพื่อความอุ่นใจที่มากกว่า: อย่าลืมตรวจเช็กประกันอุบัติเหตุรถยนต์

                    นอกเหนือจากการเตรียมตัวเพื่อป้องกันอาการเมารถแล้ว ความปลอดภัย บนท้องถนนก็เป็นสิ่งสำคัญที่ผู้ใช้รถ EV ไม่ควรมองข้ามครับ แม้ว่าเราจะขับขี่อย่างระมัดระวัง แต่เหตุการณ์ไม่คาดฝันอย่างอุบัติเหตุย่อมเกิดขึ้นได้เสมอ ยิ่งรถยนต์ไฟฟ้ามีเทคโนโลยีและชิ้นส่วนที่ซับซ้อน เช่น แบตเตอรี่ หรือระบบขับเคลื่อนไฟฟ้าที่อาจมีราคาซ่อมแซมสูงกว่ารถยนต์สันดาปทั่วไป

                    ดังนั้น เพื่อให้ทุกการเดินทางเต็มไปด้วยความสุขและความอุ่นใจ การทำประกันอุบัติเหตุรถยนต์ จึงเป็นเกราะป้องกันที่จำเป็นอย่างยิ่ง เพราะจะช่วยคุ้มครองและลดภาระค่าใช้จ่ายในการซ่อมแซมได้มหาศาล ทำให้คุณขับ EV ได้อย่างมั่นใจในทุกเส้นทางครับ

About