แสดงบทความที่มีป้ายกำกับ ประกันชั้น 1 แสดงบทความทั้งหมด
แสดงบทความที่มีป้ายกำกับ ประกันชั้น 1 แสดงบทความทั้งหมด

วันอาทิตย์ที่ 12 ตุลาคม พ.ศ. 2568

Case Study: Tesla ชนหนัก! ค่าซ่อมกี่ล้าน ค่าเสาไฟ ใครจ่าย? ไขข้อสงสัย

Tesla

        เมื่อวันที่ 12 ตุลาคม 2568 ได้เกิดอุบัติเหตุครั้งใหญ่ที่เรียกความสนใจจากผู้ใช้รถยนต์ไฟฟ้า (EV) และผู้ขับขี่ทั่วไป เมื่อรถยนต์ Tesla พุ่งชนเสาไฟฟ้าจนขาดครึ่งในพื้นที่จังหวัดชลบุรี เหตุการณ์นี้สร้างความเสียหายมหาศาล และนำมาสู่คำถามสำคัญที่หลายคนสงสัย: เมื่อรถ EV ราคาแพงประสบอุบัติเหตุร้ายแรงเช่นนี้ ประกันภัยจะเข้ามาจัดการอย่างไรบ้าง?

1. เหตุการณ์เกิดขึ้นอย่างไร และใครได้รับความเสียหายบ้าง?

  1. รายละเอียดเหตุการณ์
  2.           อุบัติเหตุครั้งนี้เกิดขึ้นในช่วงเช้ามืดเวลาประมาณ 03.30 น. ในซอยสยามคันทรีคลับ ต.หนองปรือ อ.บางละมุง จ.ชลบุรี โดยรถยนต์ Tesla คันหนึ่งได้ขับมาด้วยความเร็ว และเกิดเสียหลักพุ่งชนเข้ากับเสาไฟฟ้าข้างทางอย่างรุนแรง

  3. ความเสียหายที่เกิดขึ้น
  4.           ความเสียหายที่เกิดขึ้นจากเหตุการณ์นี้แบ่งออกได้เป็น 3 ส่วนหลัก ดังนี้

ผู้ที่ได้รับความเสียหาย รายละเอียดความเสียหาย ผู้รับผิดชอบ (เบื้องต้น)
รถยนต์ Tesla เสาไฟฟ้าขาดครึ่ง (ทรัพย์สินของการไฟฟ้า), รถยนต์เก๋งคันอื่นที่จอดอยู่ข้างทาง, ร้านค้า หรือสิ่งปลูกสร้างริมทาง ประกันรถยนต์ภาคสมัครใจ (ชั้น 1)
ทรัพย์สินบุคคลภายนอก ตัวรถด้านหน้าพังยับเยิน เสียหายหนักจนอาจต้องพิจารณาซ่อมใหญ่หรือเข้าข่ายเสียหายสิ้นเชิง (Total Loss) ประกันรถยนต์ภาคสมัครใจ (ชั้น 1)
ผู้ขับขี่/บุคคลอื่น ผู้ขับขี่รถ Tesla (ได้รับบาดเจ็บเล็กน้อย) ประกันรถยนต์ภาคบังคับ (พ.ร.บ.) และ ประกันชั้น 1 หมวดค่ารักษาพยาบาลส่วนบุคคล

2. จากเหตุการณ์นี้ ประกันชั้น 1 และ พ.ร.บ. คุ้มครองอย่างไร?

          อุบัติเหตุครั้งนี้ถือเป็นกรณีที่กรมธรรม์ประกันภัยรถยนต์เข้ามามีบทบาทอย่างเต็มที่ โดยมีรายละเอียดความคุ้มครองดังนี้:

  1. ประกันภัยรถยนต์ภาคสมัครใจ (ประกันชั้น 1)
  2.           เนื่องจากความเสียหายรุนแรงและครอบคลุมทั้งตัวรถและทรัพย์สินของผู้อื่น ประกันชั้น 1 จะเข้ามารับผิดชอบในทุกส่วน:

    • ความเสียหายต่อรถยนต์ Tesla (รถเรา)
      • ประกันจะจ่ายค่าซ่อมแซมความเสียหายของตัวรถทั้งหมด
      • หากความเสียหายเกิน 70-80\% ของมูลค่ารถ (ตามเงื่อนไขกรมธรรม์) บริษัทประกันอาจพิจารณาจ่ายเงินชดเชยตามทุนประกันเต็มจำนวน โดยถือเป็นความเสียหายสิ้นเชิง (Total Loss)
    • ความเสียหายต่อทรัพย์สินบุคคลภายนอก
      • ประกันชั้น 1 จะเข้าชดใช้ความเสียหายต่อทรัพย์สินของผู้อื่นทั้งหมด ตามวงเงินที่ระบุในกรมธรรม์ (รวมถึงค่าซ่อมแซม/ติดตั้งเสาไฟฟ้าใหม่ และความเสียหายต่อรถยนต์คันอื่น)
    • ค่ารักษาพยาบาลส่วนบุคคล
      • ประกันจะจ่ายค่ารักษาพยาบาลของผู้ขับขี่และผู้โดยสาร (ตามที่ระบุในกรมธรรม์) ส่วนที่เกินวงเงินของ พ.ร.บ.
  3. ประกันภัยรถยนต์ภาคบังคับ (พ.ร.บ.)
  4.           พ.ร.บ. จะเข้าคุ้มครองในส่วนของชีวิตและร่างกายของผู้ที่ประสบอุบัติเหตุจากรถทุกฝ่าย (ไม่ว่าจะเป็นผู้ขับขี่ ผู้โดยสาร หรือบุคคลภายนอก) โดยจะจ่ายค่าเสียหายเบื้องต้นโดยไม่ต้องรอพิสูจน์ถูกผิด และมีวงเงินความคุ้มครอง ดังนี้

    ความคุ้มครอง (ต่อ 1 คน) วงเงินขั้นต่ำ (ปัจจุบัน)
    ค่ารักษาพยาบาล (บาดเจ็บ) สูงสุด 80,000 บาท
    กรณีเสียชีวิต/ทุพพลภาพถาวร สูงสุด 500,000 บาท

3. แนะนำปรึกษาเรื่องเงื่อนไขความคุ้มครอง และเช็คราคาเบี้ยประกันฟรี

          อุบัติเหตุครั้งนี้แสดงให้เห็นว่า การเลือกประกันชั้น 1 ที่มีวงเงินความรับผิดชอบต่อทรัพย์สินบุคคลภายนอกสูงนั้นสำคัญอย่างยิ่ง เพราะค่าเสียหายของเสาไฟฟ้า รถยนต์คันอื่น และทรัพย์สินร้านค้า อาจมีมูลค่าสูงมาก

หากท่านกังวลเกี่ยวกับเงื่อนไขความคุ้มครอง หรือต้องการเช็คเบี้ยประกันรถยนต์ไฟฟ้า (EV) ในราคาที่คุ้มค่า

  • ควรปรึกษาผู้เชี่ยวชาญ: ก่อนตัดสินใจต่ออายุหรือเลือกซื้อประกัน ควรปรึกษาผู้ให้บริการประกันภัยที่เชี่ยวชาญด้านรถยนต์ไฟฟ้าโดยเฉพาะ เพื่อให้มั่นใจว่าทุนประกันรถ EV และวงเงินความรับผิดชอบต่อบุคคลภายนอก (ทรัพย์สิน) ครอบคลุมเพียงพอต่อความเสี่ยงของรถราคาสูง
  • เช็คราคาเบี้ยประกันฟรี: ท่านสามารถเปรียบเทียบเงื่อนไขและราคาเบี้ยประกันรถยนต์ชั้น 1 จากบริษัทประกันชั้นนำต่าง ๆ ได้ เพื่อให้ได้แผนที่คุ้มค่าที่สุดก่อนถึงกำหนดต่ออายุ ติดต่อ Allinsure เพื่อรับคำปรึกษาและเช็คราคาเบี้ยประกันฟรี

วันอังคารที่ 7 ตุลาคม พ.ศ. 2568

Suzuki Fronx B-SUV Hybrid สุดคุ้ม! สรุปสเปคเด่น, โปรฯ, ประกัน

Suzuki Fronx B-SUV Hybrid

ALL NEW SUZUKI FRONX: สปอร์ต SUV ไฮบริดตัวเลือกใหม่ในไทย

          ซูซูกิ มอเตอร์ (ประเทศไทย) ได้ฤกษ์ เริ่มส่งมอบ ALL NEW SUZUKI FRONX รถสปอร์ตครอสโอเวอร์ (B-SUV) ดีไซน์สไตล์ Coupe SUV ให้กับลูกค้ากลุ่มแรกแล้ว ตอกย้ำการกลับมาสร้างความคึกคักในตลาด SUV ด้วยรถนำเข้าจากอินโดนีเซีย ที่มาพร้อมจุดเด่นด้านดีไซน์และเทคโนโลยีความปลอดภัยครบครันในราคาที่เข้าถึงได้

จุดเด่นผลิตภัณฑ์และการออกแบบ

          Suzuki Fronx ชูแนวคิด "THE ICONIC DRIVE" โดดเด่นด้วยดีไซน์ภายนอกที่ผสมผสานความสปอร์ตและความบึกบึน

  • ดีไซน์สไตล์ Coupe SUV: เน้นเส้นสายหลังคาที่ลาดเอียง (Coupe) ผสมผสานกับความสูงและเหลี่ยมสันของ SUV
  • ไฟหน้าและไฟท้าย LED: ไฟหน้าแบบ 2 ชั้น พร้อมไฟ DRL ดีไซน์เฉี่ยว ส่วนไฟท้ายแบบ LED Light Bar เชื่อมต่อเต็มแนว เพิ่มความโดดเด่น
  • ขุมพลังทางเลือก: มีให้เลือกทั้งเครื่องยนต์เบนซิน 1.5 ลิตร และรุ่น 1.5 Mild-Hybrid (MHEV) เพื่อสมรรถนะที่เร้าใจและประหยัดน้ำมัน

          จุดที่น่าสนใจที่สุดคือการติดตั้งระบบความปลอดภัยขั้นสูง SUZUKI SAFETY SUPPORT (ADAS) มาให้ในรุ่นท็อป ซึ่งถือเป็นรถซูซูกิรุ่นแรกในไทยที่จัดเต็มระบบช่วยขับขี่ระดับนี้ เช่น

  • Adaptive Cruise Control (ACC) ระบบควบคุมความเร็วอัตโนมัติแบบแปรผัน
  • Dual Sensor Brake Support II (DSBSII) ระบบเบรกฉุกเฉินอัตโนมัติ
  • Blind Spot Monitor (BSM) ระบบเตือนมุมอับสายตา
  • กล้องมองภาพรอบคัน 360 องศา

ราคาจำหน่าย และรุ่นย่อย

Suzuki Fronx เปิดตัวในไทยทั้งหมด 3 รุ่นย่อย โดยมีราคาอย่างเป็นทางการดังนี้

รุ่นย่อย เครื่องยนต์ เกียร์ ราคาจำหน่าย
Fronx GL 1.5 เบนซิน 4AT 689,000
Fronx GLX Hybrid 1.5 Mild-Hybrid 6AT 749,000
Fronx GLX Plus Hybrid 1.5 Mild-Hybrid 6AT 799,000

การรับประกันคุณภาพรถยนต์ และโปรโมชั่น

ซูซูกิจัดเต็มเงื่อนไขเพื่อสร้างความมั่นใจในการครอบครองรถ

  • การรับประกันคุณภาพตัวรถ: นาน 3 ปี หรือ 100,000 กม.
  • โปรแกรม SUZUKI FRONX Worry Free Maintenance (เพิ่มเติม): สามารถซื้อแพ็กเกจบำรุงรักษาเพิ่มเติม เพื่อขยายการรับประกันและค่าบำรุงรักษา/ค่าแรงได้นานถึง 7 ปี

ข้อเสนอพิเศษช่วงเปิดตัว (ถึง 31 ธ.ค. 2568)

  • ฟรี! ประกันภัยชั้นหนึ่ง ปีแรก
  • ดอกเบี้ยพิเศษ เริ่มต้น 1.99%
  • ฟรี! บริการช่วยเหลือฉุกเฉิน 24 ชั่วโมง ระยะเวลา 3 ปี

เช็กเบี้ยประกัน Fronx ก่อนขับขี่จริง

          แม้ว่าโปรโมชั่นช่วงเปิดตัวจะให้ ฟรีประกันภัยชั้น 1 ในปีแรก แต่เจ้าของรถใหม่ทุกคนควรเตรียมพร้อมสำหรับค่าใช้จ่ายในปีถัดไป

คาดการณ์เบี้ยประกันภัยชั้น 1

          เนื่องจาก Suzuki Fronx เป็นรถรุ่นใหม่ การคำนวณเบี้ยประกันจะอิงกับปัจจัยหลายอย่าง เช่น ราคาตัวรถ, ประวัติผู้ขับขี่, และต้นทุนอะไหล่ โดยทั่วไป

  • สำหรับรถ B-SUV/รถยนต์นั่งระดับราคา 700,000−800,000 บาท: เบี้ยประกันภัยชั้น 1 ในปีที่สองเป็นต้นไป คาดการณ์อยู่ที่ประมาณ 12,000−20,000 บาท ขึ้นอยู่กับบริษัทประกันและโปรไฟล์ของผู้ขับขี่ (เช่น อายุ, ประสบการณ์ขับขี่, และประวัติการเคลม)
  • บริษัทประกันที่ให้บริการ: บริษัทประกันชั้นนำส่วนใหญ่ในไทยจะรับประกันรถยนต์ซูซูกิ

วางแผนความคุ้มครองกับ Allinsure

          เพื่อความอุ่นใจในการขับขี่ Suzuki Fronx ในระยะยาว คุณสามารถเลือกซื้อประกันรถยนต์กับ Allinsure ซึ่งจะช่วยให้คุณ

  1. เปรียบเทียบข้อเสนอ: สามารถเปรียบเทียบเบี้ยประกันและเงื่อนไขความคุ้มครองจากหลายบริษัทชั้นนำได้อย่างสะดวก
  2. ประหยัดค่าใช้จ่าย: ค้นหาประกันที่ให้ความคุ้มครองสูงสุดในราคาที่คุ้มค่าที่สุด
  3. ปรึกษาผู้เชี่ยวชาญ: รับคำแนะนำเกี่ยวกับเงื่อนไขประกันที่เหมาะสมกับรุ่นรถและพฤติกรรมการขับขี่ของคุณ โดยเฉพาะอย่างยิ่งการพิจารณาความคุ้มครองเพิ่มเติมสำหรับระบบ ADAS ที่มีในรุ่น GLX Hybrid และ GLX Plus Hybrid เพื่อให้มั่นใจว่าเทคโนโลยีความปลอดภัยเหล่านี้ได้รับการคุ้มครองอย่างเต็มที่

          เคล็ดลับ: อย่ารอจนกว่าประกันปีแรกจะหมดอายุ ปรึกษาผู้เชี่ยวชาญจาก Allinsure ล่วงหน้า 2−3 เดือน เพื่อวางแผนและเลือกซื้อกรมธรรม์ที่ตรงใจและคุ้มค่าที่สุดสำหรับ ALL NEW SUZUKI FRONX คันใหม่ของคุณ!

          คุณสนใจที่จะเปรียบเทียบเบี้ยประกันชั้น 1 สำหรับ Suzuki Fronx ในปีถัดไปเลยคลิ๊กเลย

วันจันทร์ที่ 6 ตุลาคม พ.ศ. 2568

ZEEKR 9X อัครเอสยูวีปลั๊กอินไฮบริดใหม่ ชาร์จ 9 นาที วิ่งไกล 1,250 กม. ทวงบัลลังก์รถหรูแห่งอนาคต

รถยนต์ไฟฟ้า ZEEKR 9X

          ZEEKR (ซีเคอร์) แบรนด์รถยนต์ไฟฟ้าระดับพรีเมียมในเครือ Geely Holding Group ได้สร้างความฮือฮาในตลาดโลกด้วยการเปิดตัว ZEEKR 9X อัครเอสยูวี (SUV) สุดหรูแบบ Plug-in Hybrid Electric Vehicle (PHEV) ที่มาพร้อมเทคโนโลยีสุดล้ำและสมรรถนะที่เหนือจินตนาการ ด้วยการผสานความแรงระดับซูเปอร์คาร์เข้ากับความหรูหราอลังการ ทำให้ ZEEKR 9X ถูกจับตามองในฐานะคู่แข่งสำคัญของรถ SUV หรูจากยุโรป

ไฮไลท์เด่น: เร็ว แรง และชาร์จไวเหลือเชื่อ

          ZEEKR 9X ไม่ได้เป็นเพียงรถ SUV ขนาดใหญ่ทั่วไป แต่เป็นแฟลกชิปที่รวมเอาเทคโนโลยีที่ดีที่สุดมาไว้ในคันเดียว โดยมีจุดเด่นที่ทำลายขีดจำกัดของรถยนต์ PHEV

  1. ขุมพลังมหาศาล (1,381 แรงม้า)
  2. ZEEKR 9X มาพร้อมระบบอัจฉริยะ SEA Super Hybrid รุ่นแรกของแบรนด์ ที่มอบกำลังสูงสุดถึง 1,030 กิโลวัตต์ (ประมาณ 1,381 แรงม้า) ในรุ่นท็อป ทำให้รถ SUV คันยักษ์ที่มีน้ำหนักตัวกว่า 3 ตัน สามารถทำอัตราเร่ง 0−100 กม./ชม. ได้ในเวลาเพียง 3.1 วินาที ซึ่งเทียบเท่ารถสปอร์ตสมรรถนะสูง

  3. สถาปัตยกรรม 900V และ 6C Ultra-Fast Charging
  4. หัวใจสำคัญคือการใช้แพลตฟอร์ม SEA-S ที่รองรับสถาปัตยกรรมขับเคลื่อนไฟฟ้าแรงดันสูง 900V และเทคโนโลยีชาร์จเร็ว 6C ทำให้สามารถชาร์จแบตเตอรี่จาก 20−80% ได้ในเวลาเพียง 9 นาที เท่านั้น!

  5. วิ่งไกลทะลุพิกัด
  6. วิ่งด้วยไฟฟ้าล้วน (EV Range): ทำได้ไกลถึงประมาณ 380 กม. (มาตรฐาน CLTC) ด้วยแบตเตอรี่ NMC "Xiaoyao" ขนาด 70kWh

    ระยะทางวิ่งรวมสูงสุด: สามารถทำได้ไกลถึง 1,250 กม. (มาตรฐาน CLTC) ทำให้หมดความกังวลเรื่องระยะทางในการเดินทางไกล

ดีไซน์และเทคโนโลยี "New Luxury"

ZEEKR 9X ถูกออกแบบภายใต้ปรัชญา "New Luxury" ที่ผสานความหรูหราสง่างามเข้ากับความล้ำสมัยในสไตล์ SUV ระดับโลก

  • ภายนอกสุดอลังการ
  • โดดเด่นด้วยกระจังหน้าโครเมียมชิ้นเดียวกว้าง 1.2 เมตร และชุดไฟหน้าแบบแยกส่วน "Vast Star Diamond Matrix" ที่ประดับด้วยเหลี่ยมเพชรมากถึง 42,242 เหลี่ยม ดีไซน์ด้านข้างให้ความรู้สึกเหมือนเรือยอชต์สุดหรู

  • ห้องโดยสาร 6−7 ที่นั่งระดับพรีเมียม
  • ภายในเน้นความกว้างขวางและสะดวกสบาย เบาะแถวที่สองบางรุ่นสามารถปรับหมุนได้ พร้อมเบาะนวดและระบบรองรับที่นั่งอัจฉริยะ

  • ระบบเครื่องเสียงทำลายสถิติ
  • ติดตั้งระบบเสียง Naim สุดหรู (แบรนด์ที่เคยเป็นเอกสิทธิ์ของ Bentley) ที่มาพร้อมลำโพงมากถึง 32 ตำแหน่ง มีกำลังขับสูงสุดถึง 3,868 วัตต์ ซึ่ง ZEEKR เคลมว่าเป็นสถิติโลกใหม่ของระบบเสียงในรถยนต์

ราคาจำหน่าย (ในประเทศจีน)

          ZEEKR 9X มีให้เลือกหลายรุ่นย่อย โดยมีราคาเริ่มต้นพรีเซลในประเทศจีนอยู่ที่ประมาณ 465,900–599,900 หยวน หรือคิดเป็นเงินไทยโดยประมาณเริ่มต้นที่ 2.12 – 2.73 ล้านบาท (ราคาอาจมีการเปลี่ยนแปลงขึ้นอยู่กับอัตราแลกเปลี่ยนและภาษี)

          หมายเหตุ: ZEEKR 9X ได้เริ่มจำหน่ายและส่งมอบในประเทศจีนแล้ว แต่ยังไม่มีกำหนดการนำเข้ามาจำหน่ายอย่างเป็นทางการในประเทศไทย ณ ขณะนี้

ช่วงราคาคาดการณ์เบี้ยประกันชั้น 1

          เมื่อเปรียบเทียบกับคู่แข่งรถยนต์ไฟฟ้าและ MPV/SUV ไฟฟ้าหรูในไทย (เช่น Tesla Model 3/Y ที่เบี้ยเฉลี่ย 45,000 - 78,000 บาท หรือ MG Maxus 9 ที่เบี้ย 24,000 - 47,000 บาท) และพิจารณาจากราคาและเทคโนโลยีที่สูงกว่ามากของ ZEEKR 9X (โดยเฉพาะสถาปัตยกรรม 900V) อาจมีราคาอยู่ที่ประมาณ 70,000 - 90,000 บาทต่อปี

          ผู้ซื้อ ZEEKR 9X ควรเตรียมงบประมาณสำหรับค่าเบี้ยประกันชั้น 1 ไว้ในระดับ 70,000 บาทขึ้นไปต่อปี และต้องพิจารณาเงื่อนไขสำคัญในกรมธรรม์อย่างละเอียด โดยเฉพาะความคุ้มครองที่เกี่ยวข้องกับ แบตเตอรี่แรงดันสูง และการซ่อมบำรุงใน ศูนย์บริการที่ได้มาตรฐาน ที่รองรับเทคโนโลยี 900V ของรถยนต์รุ่นนี้ครับ

จบทุกคำถาม! เปิดสเปค Kia Carnival HEV ไฮบริด 7 ที่นั่ง แรง-ประหยัด-หรู ครบจบในคันเดียว

เปิดสเปค Kia Carnival HEV

          ตามข้อมูลที่มีการเปิดเผยในงานเปิดตัว The new Kia Carnival HEV 7-seater ซึ่งเป็นรถ MPV รุ่นเรือธงโฉมใหม่ (Big Minorchange) พร้อมขุมพลังไฮบริด สามารถสรุปรายละเอียดสำคัญได้ดังนี้ครับ

1. อย่างรุ่นและราคาจำหน่ายเป็นทางการในประเทศไทย (เปิดตัว 3 ต.ค. 2568)

  • รุ่น Premium: ราคา 2,499,000 บาท
  • รุ่น Luxury: ราคา 2,699,000 บาท
  • (นอกจากนี้ รุ่นดีเซลยังคงมีจำหน่ายตามปกติ)

2. ขุมพลังขับเคลื่อน (HEV - Hybrid Electric Vehicle)

  • เครื่องยนต์: เบนซิน 4 สูบ Smartstream 1.6 ลิตร เทอร์โบ (T-GDi)
  • พละกำลังรวมสูงสุด: 245 แรงม้า
  • แรงบิดรวมสูงสุด: 367 นิวตันเมตร
  • ระบบส่งกำลัง: เกียร์อัตโนมัติ 6 จังหวะ (ขับเคลื่อนล้อหน้า FWD)
  • อัตราสิ้นเปลืองเฉลี่ย: เคลมไว้ที่ 15.9 กม./ลิตร (ตาม ECO Sticker)
  • เทคโนโลยีเสริม: มาพร้อมโหมดการขับขี่ Eco / Smart / Sport และ Paddle Shift พร้อมฟังก์ชัน Regenerative Braking (กู้คืนพลังงาน)

3. ดีไซน์และฟีเจอร์เด่น

  • ภายนอก:
    • ปรับโฉมใหม่ให้ดูโฉบเฉี่ยวสไตล์ SUV ผสาน MPV
    • กระจังหน้าแบบ 'Tiger Nose' และชุดไฟหน้า-ไฟท้ายแบบ Star Map Lighting ดีไซน์ดวงไฟทรงลูกบาศก์
    • ล้ออัลลอยดีไซน์ใหม่ ขนาด 19 นิ้ว
  • ภายใน:
    • ห้องโดยสาร 7 ที่นั่ง (แถว 2 เป็นแบบ Captain Seat หรือ Relaxation Seat ตามรุ่น)
    • ติดตั้ง จอโค้งแบบพาโนรามิก (Panoramic Curved Display) ที่รวมจอมาตรวัด Digital Supervision Cluster ขนาด 12.3 นิ้ว และหน้าจอสัมผัส Infotainment ขนาด 12.3 นิ้ว
    • มีระบบแสดงข้อมูลการขับขี่บนกระจกหน้า Head-up Display (HUD) ขนาด 11 นิ้ว (เฉพาะรุ่น Luxury)
    • เพิ่มความสะดวกสบายด้วยประตูสไลด์ไฟฟ้า (Smart Power Sliding Door) และฝากระโปรงท้ายไฟฟ้าอัจฉริยะ

4. การรับประกันและโปรโมชั่นพิเศษ (ช่วงเปิดตัว)

  • การรับประกันคุณภาพตัวรถ: 7 ปี หรือ 150,000 กม.
  • การรับประกันแบตเตอรี่ไฮบริด (High-Voltage Battery): 8 ปี
  • บริการช่วยเหลือฉุกเฉิน: ฟรี 24 ชั่วโมง นาน 7 ปี ไม่จำกัดระยะทาง
  • ฟรีค่าบำรุงรักษาตามระยะ: 3 ปี หรือ 30,000 กม. (ลูกค้า Kia Loyalty ได้เพิ่มเป็น 5 ปี หรือ 50,000 กม.)
  • ข้อเสนอพิเศษช่วงเปิดตัว: อัตราดอกเบี้ยพิเศษเริ่มต้น 1.77\% (เฉพาะสถาบันการเงินที่ร่วมรายการ)

5. การประกันภัยรถยนต์ (ช่วงเปิดตัว)

          ฟรีประกันชั้น 1 และ พรบ.ตามเงื่อนไขของบริษัทฯ โดยมีการระบุว่า จำกัดเฉพาะ บริษัท วิริยะประกันภัย จำกัด (มหาชน)

          ไม่ว่าคุณจะตัดสินใจรับสิทธิพิเศษ ฟรีประกันภัยชั้น 1 ในปีแรก หรือกำลังมองหาแผนประกันสำหรับปีต่ออายุ สิ่งสำคัญที่สุดคือการเลือกบริษัทที่เข้าใจความซับซ้อนของรถยนต์ไฮบริดระดับพรีเมียมอย่าง Kia Carnival HEV เพื่อให้คุณมั่นใจได้ว่าเมื่อเกิดเหตุไม่คาดฝัน การซ่อมแซมจะได้รับการดูแลอย่างดีที่สุด

          หากคุณต้องการความอุ่นใจสูงสุดและทางเลือกที่หลากหลาย Allinsure คือพันธมิตรประกันภัยที่คุณวางใจได้ ด้วยความเชี่ยวชาญในการจัดหาแผนประกันที่เหมาะสมกับรถยนต์มูลค่าสูงและเทคโนโลยีใหม่ ๆ อย่างรถไฮบริด คุณจะสามารถเปรียบเทียบข้อเสนอที่ดีที่สุด ทั้งด้านราคาและความคุ้มครอง จากหลากหลายบริษัทชั้นนำ เพื่อให้ได้ประกันชั้น 1 ที่ครอบคลุมทั้งตัวรถ ทรัพย์สิน และการซ่อมแซมมาตรฐานศูนย์หรืออู่คุณภาพ ในเบี้ยประกันที่คุ้มค่าที่สุด เลือก Allinsure เพื่อปกป้องการลงทุนของคุณได้อย่างมั่นใจและชาญฉลาดที่สุด

วันอังคารที่ 30 กันยายน พ.ศ. 2568

คู่หูทำเงิน! 5 กระบะยอดนิยมของเกษตรกรไทย พร้อมแนะ 'ประกันภัย' คุ้มครองเต็มวงจร

ยอดกระบะทำเงิน! 5 รุ่นที่เกษตรกรไทยวางใจเลือกใช้

5 กระบะยอดนิยมของเกษตรกรไทย

          รถกระบะเปรียบเสมือนแขนขาสำคัญของเกษตรกรไทย เป็นมากกว่ายานพาหนะ แต่คือเครื่องมือทำมาหากินที่ต้อง ทนทาน บรรทุกหนักได้ ประหยัดน้ำมัน และหาอะไหล่ได้ง่ายทั่วประเทศ เพื่อให้งานไม่สะดุด นี่คือ 5 รุ่นยอดนิยมที่ครองใจชาวไร่ชาวสวนมาอย่างยาวนาน:

  1. Isuzu D-Max (อีซูซุ ดีแมคซ์): ครองแชมป์ด้านความประหยัดน้ำมันและความทนทาน อะไหล่หาง่าย ราคาไม่แพง ทำให้ต้นทุนการใช้งานต่ำ เหมาะกับเกษตรกรที่เน้นความคุ้มค่าในระยะยาว

  2. Toyota Hilux Revo (โตโยต้า ไฮลักซ์ รีโว่): ขึ้นชื่อเรื่องความแกร่ง อึด ถึก ทน ช่วงล่างไว้ใจได้ในการบรรทุกผลผลิตเต็มคัน และมีมูลค่าขายต่อสูง (Resale Value) ทำให้เกษตรกรสบายใจเมื่อต้องการเปลี่ยนรถในอนาคต

  3. Ford Ranger (ฟอร์ด เรนเจอร์): ได้รับความนิยมจากสมรรถนะที่ยอดเยี่ยม ช่วงล่างหนึบแน่น และกำลังเครื่องยนต์ที่แรง ทำให้ลุยงานหนักในพื้นที่สมบุกสมบันได้ดี เป็นที่ถูกใจสำหรับผู้ที่ต้องการความมั่นคงในการขับขี่ที่เหนือกว่า

  4. Mitsubishi Triton (มิตซูบิชิ ไทรทัน): เป็นที่รู้จักจากเครื่องยนต์ที่มีพละกำลังสูงและราคาที่เข้าถึงได้ง่าย เป็นตัวเลือกที่น่าสนใจสำหรับผู้ที่ต้องการรถกระบะสมรรถนะดีในราคาที่คุ้มค่า

  5. Toyota Hilux Champ (โตโยต้า ไฮลักซ์ แชมป์): เป็นรถกระบะยุคใหม่ที่เน้นการดัดแปลงและใช้งานบรรทุกโดยเฉพาะ ด้วยราคาเริ่มต้นที่เข้าถึงง่ายและรูปแบบที่สามารถปรับให้เข้ากับการใช้งานเกษตรกรรมเฉพาะทางได้อย่างหลากหลาย

คุ้มครองครบวงจร! 3 บริษัทประกันภัยชั้นนำสำหรับรถกระบะเกษตร

          รถกระบะที่ใช้งานหนักย่อมมีความเสี่ยงสูงกว่ารถยนต์ทั่วไป ไม่ว่าจะเป็นอุบัติเหตุจากการบรรทุกเกินพิกัด การลุยในพื้นที่วิบาก หรือความเสียหายจากภัยธรรมชาติ ดังนั้นการมีประกันภัยที่ดีจึงเป็นเรื่องที่ขาดไม่ได้ Allinsure ได้คัดสรร 3 บริษัทประกันภัยชั้นนำที่ตอบโจทย์เกษตรกรได้ดีที่สุด:

  1. วิริยะประกันภัย: โดดเด่นเรื่อง ความมั่นคงและเครือข่ายศูนย์ซ่อมที่ครอบคลุม ทั่วประเทศ ทำให้เกษตรกรที่อยู่ในพื้นที่ห่างไกลสามารถเข้ารับบริการได้อย่างสะดวก

  2. กรุงเทพประกันภัย: มีชื่อเสียงด้าน ความรวดเร็วในการบริการและเคลม รวมถึงมีผลิตภัณฑ์ที่ออกแบบมาเพื่อรถยนต์ที่ใช้งานหนักหรือใช้ในเชิงพาณิชย์โดยเฉพาะ

  3. เมืองไทยประกันภัย: มักมี เบี้ยประกันที่แข่งขันได้ และมีตัวเลือกความคุ้มครองที่ยืดหยุ่น ทำให้เกษตรกรสามารถเลือกแผนที่เหมาะสมกับงบประมาณและลักษณะการใช้งานได้

          เคล็ดลับจาก Allinsure: การทำประกันภัยชั้น 1 สำหรับรถกระบะที่ใช้งานบรรทุกหนัก ควรแจ้งลักษณะการใช้งานอย่างตรงไปตรงมา เพื่อให้มั่นใจว่าจะได้รับความคุ้มครองเมื่อเกิดเหตุตามจริง

จัดเต็มงานเกษตร! 3 อุปกรณ์เสริมกระบะที่ชาวไร่ยุคใหม่นิยมซื้อ

          เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพในการทำเกษตร กระบะคู่ใจต้องได้รับการอัปเกรด! 3 อุปกรณ์ยอดนิยมที่เกษตรกรไทยนิยมซื้อมาติดตั้งและหาซื้อได้ง่ายทางออนไลน์:

    โครงเหล็ก
  1. คอก/รั้วบรรทุกสูง (โครงเหล็ก): สำหรับบรรทุกผลผลิตทางการเกษตร เช่น ข้าวโพด อ้อย หรือผักผลไม้ ได้ปริมาณที่มากขึ้นและปลอดภัยกว่าเดิม

  2. ผ้าใบกันน้ำ/ผ้าคลุมกระบะ
  3. ผ้าใบกันน้ำ/ผ้าคลุมกระบะ: ใช้คลุมสินค้าเกษตรเพื่อป้องกันความเสียหายจากฝน แดด และฝุ่นละหว่างการขนส่ง เป็นอุปกรณ์ที่ต้องมีสำหรับทุกฤดู

  4. แม่แรงยกรถไฮดรอลิก
  5. แม่แรงยกรถไฮดรอลิก/อุปกรณ์ลากจูงสำหรับงานหนัก: เนื่องจากรถกระบะเกษตรต้องเข้าพื้นที่ทุรกันดารหรือบรรทุกของหนัก การมีแม่แรงประสิทธิภาพสูง หรืออุปกรณ์ลากจูงที่ได้มาตรฐานจึงเป็นสิ่งจำเป็นเพื่อแก้ปัญหาเฉพาะหน้า

มั่นใจทุกเส้นทางเกษตรกรรม เลือกประกันที่ใช่จาก Allinsure

          อย่าปล่อยให้การทำงานหนักของคุณต้องมาสะดุดเพราะอุบัติเหตุไม่คาดฝัน! รถกระบะคือทรัพย์สินที่มีมูลค่ามหาศาล และเป็นหัวใจสำคัญของการทำเกษตร

          Allinsure เข้าใจความเสี่ยงและลักษณะการใช้งานของเกษตรกรไทย เราพร้อมเป็นตัวแทนของคุณในการเปรียบเทียบราคาและเงื่อนไขจากบริษัทประกันภัยชั้นนำทั้งหมด เพื่อให้คุณได้ ประกันภัยรถยนต์ที่ครอบคลุม คุ้มค่า และตรงกับงบประมาณ มากที่สุด

✅ เปรียบเทียบได้ทันที! ✅ ปรึกษาฟรี ไม่มีค่าใช้จ่าย!

           คลิกเลย! เพื่อรับข้อเสนอสุดพิเศษสำหรับรถกระบะคู่ใจ จากบริการประกันภัยวินาศภัยโดย Allinsure ตัวแทนที่ได้รับอนุญาตและเชื่อถือได้

วันเสาร์ที่ 27 กันยายน พ.ศ. 2568

ไขข้อสงสัย "อายุใบเคลม" ประกันชั้น 1 ใช้ได้นานแค่ไหน? ห้ามพลาด!

ใบเคลมมีอายุเท่าไร?

ใบเคลมประกันชั้น1 มีอายุเท่าไร

          คำตอบที่ชัดเจนที่สุดคือ: ใบเคลมของประกันรถยนต์ชั้น 1 มีอายุ 1 ปี (2 ปี กรณีเป็นฝ่ายผิด) นับจากวันที่บริษัทประกันออกใบเคลมให้ (หรือวันที่เกิดเหตุการณ์นั้น ๆ หากเป็นการเคลม ณ จุดเกิดเหตุ)

หมายความว่า หากคุณได้รับใบเคลมมาแล้ว คุณมีเวลาดำเนินการนำรถเข้าซ่อมที่อู่หรือศูนย์บริการในเครือของบริษัทประกันภัยภายในระยะเวลา 365 วัน หากพ้นกำหนดนี้ ใบเคลมนั้นจะหมดอายุลงทันที และคุณจะต้องรับผิดชอบค่าใช้จ่ายในการซ่อมเอง

ข้อควรระวังของอายุใบเคลมที่คุณต้องรู้

การละเลยเรื่องอายุใบเคลมอาจทำให้คุณเสียสิทธิประโยชน์ที่ควรได้รับ:

  1. สิทธิ์ขาดหาย (หมดอายุ): นี่คือปัญหาหลัก หากพ้น 365 วันไปแล้ว ใบเคลมของคุณจะกลายเป็นเศษกระดาษทันที

  2. ความยุ่งยากในการต่อประกัน: หากถึงกำหนดต่ออายุกรมธรรม์ แล้วคุณยังมีใบเคลมเก่าที่ยังไม่ได้ใช้ บริษัทประกันใหม่อาจปฏิเสธการรับประกัน หรือขอให้คุณนำรถเข้าซ่อมให้เสร็จสิ้นก่อน ซึ่งจะทำให้ขั้นตอนการต่อประกันล่าช้า

  3. ความเสียหายลุกลาม: การปล่อยรอยบุบหรือรอยแตกเล็กน้อยทิ้งไว้ อาจลุกลามกลายเป็นปัญหาใหญ่ เช่น รอยร้าวบนกระจกที่ขยายตัว หรือรอยบุบที่เป็นจุดเกิดสนิม

คำแนะนำ: ใช้ใบเคลมอย่างถูกต้องและชาญฉลาด

เพื่อให้คุณใช้สิทธิ์ประกันได้อย่างเต็มที่และราบรื่นที่สุด Allinsure ขอแนะนำ:

  • รีบดำเนินการ: ทันทีที่ได้ใบเคลม (โดยเฉพาะอย่างยิ่งสำหรับความเสียหายเล็กน้อย) ควรรีบติดต่ออู่ซ่อมรถหรือศูนย์บริการในเครือเพื่อจองคิวซ่อมทันที

  • ตรวจสอบวันที่: บันทึกวันหมดอายุไว้ในปฏิทินในโทรศัพท์มือถือและตั้งแจ้งเตือนไว้ล่วงหน้า

  • ปรึกษาที่ปรึกษา: หากมีข้อสงสัยหรือไม่แน่ใจในเงื่อนไข วันที่ หรือสถานที่ซ่อม ให้รีบติดต่อตัวแทนหรือที่ปรึกษาประกันภัยของคุณ

ตัวช่วยป้องกันการลืมและบริหารจัดการใบเคลม

          ปัญหาหลักของการปล่อยให้ใบเคลมหมดอายุคือ "การลืม" และ "การจัดการเอกสาร" ที่ไม่เป็นระบบ นี่คือ 3 ตัวช่วยง่าย ๆ ที่จะทำให้คุณจัดการเรื่องนี้ได้ดีขึ้น ซึ่งสามารถหาซื้อได้ตามร้านค้าออนไลน์ทั่วไป

    กระเป๋าเอกสาร
  1. สมุดเก็บเอกสารแบบมีช่องซิป (Document File Organizer): ใช้สำหรับเก็บกรมธรรม์ ใบเคลม และเอกสารรถยนต์ทั้งหมดไว้ในที่เดียว ไม่ให้กระจัดกระจาย หรือหาย

  2. ปฏิทินติดตู้เย็น
  3. สติกเกอร์ปฏิทิน/โน้ตติดตู้เย็น (Calendar Sticky Notes): เขียนวันหมดอายุตัวโต ๆ แล้วแปะไว้ในจุดที่มองเห็นได้ทุกวัน เช่น ตู้เย็น หรือกระจกในรถยนต์ เพื่อเตือนความจำอยู่เสมอ

  4. อุปกรณ์สแกนพกพา (Portable Scanner App): ใช้แอปพลิเคชันสแกนเอกสารในโทรศัพท์มือถือ ถ่ายภาพใบเคลมและบันทึกเป็นไฟล์ PDF พร้อมตั้งชื่อไฟล์ด้วยวันหมดอายุ (เช่น "เคลม-2568-12-31") แล้วบันทึกไว้ใน Cloud เพื่อป้องกันการสูญหาย

บทสรุป: ประกันรถยนต์ไม่ใช่แค่การเคลม แต่คือการดูแลที่ต่อเนื่อง

          การมีใบเคลมที่มีอายุ 1 ปี เป็นสิทธิ์ที่คุณจะได้รับ แต่การใช้สิทธิ์นั้นอย่างมีประสิทธิภาพต้องมาพร้อมกับการบริหารจัดการที่ดี

          ที่ Allinsure เราเป็นมากกว่าตัวแทนขายประกัน เราคือเพื่อนคู่คิดด้านประกันภัย เราไม่เพียงแค่ช่วยคุณเปรียบเทียบและเลือกซื้อ ประกันรถยนต์ชั้น 1 ที่ดีที่สุดในราคาที่คุ้มค่า แต่เรายังพร้อมให้คำแนะนำและคอยเตือนเรื่องสำคัญอย่าง อายุใบเคลม รวมถึงช่วยประสานงานกับบริษัทประกันภัยที่คุณเลือก ตลอดอายุสัญญากรมธรรม์

          อย่าปล่อยให้ความยุ่งยากเรื่องเอกสาร ทำให้คุณเสียสิทธิ์ในการซ่อมรถที่คุณรัก ให้ Allinsure เข้ามาช่วยดูแลเรื่องประกันภัยรถยนต์ให้คุณอุ่นใจกว่าที่เคย

          สนใจเปรียบเทียบประกันที่ใช่ พร้อมที่ปรึกษาที่ใส่ใจทุกขั้นตอน? ติดต่อ Allinsure วันนี้!

About