แสดงบทความที่มีป้ายกำกับ Insight แสดงบทความทั้งหมด
แสดงบทความที่มีป้ายกำกับ Insight แสดงบทความทั้งหมด

วันพุธที่ 17 ธันวาคม พ.ศ. 2568

วิกฤตสินเชื่อปี 69! เจาะสาเหตุทำไม "รถกระบะ" กู้ผ่านยาก

ปีแห่งความท้าทายของ "กระบะซิ่ง-กระบะทำกิน"

Pick Up Loan 2026

          เมื่อเข้าสู่ช่วงปลายปี 2568 ต่อเนื่องปี 2569 ตลาดรถยนต์เมืองไทยกำลังเผชิญกับคลื่นลูกใหญ่ โดยเฉพาะในกลุ่ม "รถกระบะ" (Pickup Truck) ที่เคยเป็นพระเอกยอดขายอันดับ 1 มาตลอด แต่สัญญาณจากสถาบันการเงินชี้ชัดว่า ปี 2569 จะเป็นปีที่การขอสินเชื่อรถกระบะ "ผ่านยากที่สุด" ในรอบทศวรรษ

          แม้คุณจะมีเครดิตดี แต่ทำไมไฟแนนซ์ถึงยังลังเล? นี่คือการวิเคราะห์เจาะลึกปัจจัยสำคัญที่บีบให้ธนาคารต้อง "เบรก" การปล่อยกู้

  1. หนี้เสียสะสม (NPLs) ในกลุ่มรถกระบะพุ่งสูง
  2.           ปัจจัยแรกและสำคัญที่สุดคือ "บาดแผล" จากปีก่อนหน้า ข้อมูลจากเครดิตบูโรระบุชัดเจนว่า กลุ่มบัญชีสินเชื่อรถยนต์ที่มีความเสี่ยง หรือ SM (Special Mention) ที่ค้างชำระ 1-3 งวด ส่วนใหญ่กระจุกตัวอยู่ในกลุ่มผู้ใช้รถกระบะ ทั้งกลุ่มเกษตรกรและ Logistics รายย่อย

              เมื่อหนี้เสียในพอร์ตของธนาคารสูงขึ้น การอนุมัติเคสใหม่ในปี 2569 จึงต้องเข้มงวดขึ้นเป็นทวีคูณ ธนาคารไม่ได้ไม่อยากปล่อยกู้ แต่ "กลัว" การยึดรถคืนเป็นที่สุด

    เครื่องฟื้นฟู + สลายซัลเฟตแบตเตอรี่ ช่วยยืดอายุแบตเตอรี่ เหมาะกับรถที่จอดทิ้งไว้นานหรือวิ่งงานหนัก ประหยัดค่าเปลี่ยนแบตฯ ใหม่ได้หลักพัน
  3. มาตรการ Responsible Lending ที่เข้มข้นขึ้น
  4.           ธนาคารแห่งประเทศไทยได้ออกเกณฑ์การให้สินเชื่ออย่างรับผิดชอบ (Responsible Lending) ซึ่งจะมีผลบังคับใช้อย่างเข้มข้นที่สุดในปี 2569 โดยเน้นดู "เงินเหลือสุทธิ" ของผู้กู้

    • DSR (Debt Service Ratio): ภาระหนี้ต่อรายได้ต้องไม่เกินเกณฑ์ที่กำหนดอย่างเคร่งครัด
    • อาชีพอิสระกู้ยากขึ้น: พ่อค้าแม่ค้า หรืออาชีพรับเหมาที่ใช้รถกระบะ หากไม่มี Statement หรือหลักฐานที่มาของรายได้ที่ชัดเจน (เช่น ภาษี, บิลเงินสดที่ตรวจสอบได้) โอกาสผ่านแทบจะเป็นศูนย์
    เบาะรองหลังเพื่อสุขภาพ ออกแบบตามหลักสรีรศาสตร์ ช่วยลดอาการปวดหลังสำหรับคนขับรถทางไกล สุขภาพดีหาเงินได้คล่องขึ้น
  5. ราคารถมือสองร่วงหนัก กระทบมูลค่าหลักประกัน
  6.           สถานการณ์ "รถล้นตลาด" ทำให้ราคารถกระบะมือสองในปีที่ผ่านมาตกลงอย่างน่าใจหาย สิ่งนี้ส่งผลกระทบชิ่งมาถึงสินเชื่อรถป้ายแดงปี 2569 เพราะเมื่อ "มูลค่าซาก" หรือมูลค่าตลาดต่ำลง ธนาคารจะมองว่ารถคันนั้นเป็นหลักประกันที่ไม่คุ้มค่าความเสี่ยง

              หากผู้กู้ทิ้งรถ ธนาคารนำไปขายทอดตลาดอาจขาดทุนทันที ดังนั้นในปี 2569 เราอาจจะได้เห็นเงื่อนไข "เงินดาวน์สูงขึ้น" (อาจต้องดาวน์ 25-30% จากเดิม 10-15%) เพื่อลดความเสี่ยงนี้

FAST WAX น้ำยาเคลือบเงา ช่วยให้สีรถฉ่ำเงา ป้องกันรอยขีดข่วนและคราบน้ำ ดูแลรถเก่าให้เหมือนใหม่ สร้างความประทับใจเมื่อต้องไปติดต่องาน

ทางรอดของผู้ต้องการใช้รถ

          ปี 2569 ไม่ใช่ปีที่กู้ไม่ได้ แต่เป็นปีที่ต้อง "เตรียมตัวให้ดี" การเดินบัญชีธนาคารให้สวยงามอย่างน้อย 6-12 เดือน และการเตรียมเงินก้อนสำหรับเงินดาวน์ คือกุญแจสำคัญที่จะไขประตูสินเชื่อผ่าน

ปกป้องทรัพย์สินและสุขภาพของคุณกับมืออาชีพ

          ในยุคที่เศรษฐกิจผันผวนและการออกรถใหม่ทำได้ยากขึ้น การดูแลรักษาสิ่งที่มีอยู่จึงสำคัญที่สุด หากคุณมีรถอยู่แล้ว อย่าลืมตรวจสอบความคุ้มครอง ประกันภัยรถยนต์ ของคุณว่ายังครอบคลุมและคุ้มค่าหรือไม่

          และที่สำคัญไม่แพ้รถ คือ "ตัวคุณเอง" การมี ประกันสุขภาพ และ ประกันชีวิต ไว้รองรับความเสี่ยง เป็นการวางแผนการเงินที่ชาญฉลาดที่สุด ลองเข้ามาเช็คเบี้ยประกัน เปรียบเทียบข้อเสนอที่ดีที่สุด ทั้งประกันรถและประกันสุขภาพ ได้ที่ ALLINSURE โบรกเกอร์ที่คุณไว้ใจได้ พร้อมให้คำปรึกษาเพื่อความอุ่นใจของคุณในทุกๆ วัน

อยากทราบเบี้ยประกันชั้น 1 ที่ราคาดีที่สุดสำหรับรถกระบะของคุณไหมครับ? เช็คได้ตอนนี้เลยที่ Allinsure

เช็คเบี้ยประกันภัยรถยนต์ฟรี

ผ่าเกม Mazda! ทุ่ม 5 พันล้าน ทำไมเลือกปั้นไทยเป็นฮับ MHEV สู้ศึกยานยนต์

การเดิมพันครั้งใหม่ของค่าย Zoom-Zoom

MAZDA MHEV

          ท่ามกลางกระแสรถยนต์ไฟฟ้า (EV) ที่ถาโถมเข้ามาแย่งชิงส่วนแบ่งการตลาดอย่างดุเดือด หลายคนอาจมองว่า Mazda (มาสด้า) ดูจะเงียบหายไป แต่ล่าสุดค่ายรถยนต์จากฮิโรชิม่าได้ประกาศเดินเกมรุกครั้งสำคัญ ด้วยการอัดฉีดเม็ดเงินลงทุนกว่า 5,000 ล้านบาท ในประเทศไทย เพื่อยกระดับสายการผลิตไปสู่รถยนต์แบบ Mild Hybrid (MHEV) อย่างเต็มรูปแบบ

          ทำไม Mazda ถึงเลือกเดินเกมนี้? และทำไมต้องเป็นประเทศไทย? นี่คือบทวิเคราะห์เบื้องลึกที่คุณต้องรู้ครับ

  1. ทำไมต้อง MHEV? ทางเลือกที่ "สมดุล" ที่สุดในเวลานี้
  2.           ในขณะที่โลกกำลังมุ่งสู่ EV แต่ Mazda มองเห็นช่องว่างทางการตลาดที่สำคัญ คือ "ความพร้อมของผู้ใช้งาน" ระบบ Mild Hybrid (MHEV) ไม่ใช่แค่เทคโนโลยีรอยต่อ แต่เป็นทางเลือกที่ตอบโจทย์วิถีชีวิตจริงได้ทันที

    • ไม่ต้องรอชาร์จ: ผู้ขับขี่ไม่ต้องปรับเปลี่ยนพฤติกรรม ไม่ต้องกังวลเรื่องสถานีชาร์จ
    • ต้นทุนที่จับต้องได้: MHEV ช่วยลดอัตราสิ้นเปลืองน้ำมันและลดมลพิษ โดยที่ราคารถไม่ต้องกระโดดสูงเท่า EV หรือ PHEV
    • คงเอกลักษณ์ Fun-to-Drive: หัวใจสำคัญของ Mazda คือการขับขี่ที่สนุกเร้าใจ ระบบมอเตอร์ไฟฟ้าขนาดเล็กใน MHEV เข้ามาช่วยเสริมแรงบิดในช่วงออกตัว ทำให้ขับสนุกขึ้นแต่นุ่มนวลกว่าเดิม
    เคสกุญแจรถยนต์ Mazda (TPU/Carbon Pattern): ดีไซน์สวยหรู ป้องกันรอยขีดข่วนและการกระแทก ใส่แล้วดูแพงเข้ากับตัวรถ
  3. ไทยคือ "บ้านหลังที่สอง" ที่แข็งแกร่งที่สุด
  4.           การทุ่มงบ 5,000 ล้านบาท ไม่ใช่แค่การสร้างโรงงานใหม่ แต่เป็นการ "อัปเกรด" ฐานการผลิตที่มีอยู่แล้ว (โรงงาน AAT ระยอง) ให้ล้ำสมัยยิ่งขึ้น เหตุผลที่ Mazda เลือกไทยเป็นฮับใหญ่:

    • Supply Chain ที่ครบวงจร: ไทยมีผู้ผลิตชิ้นส่วนที่แข็งแกร่งที่สุดในอาเซียน การผลิต MHEV จำเป็นต้องใช้ชิ้นส่วนที่ซับซ้อนกว่ารถสันดาปปกติ ซึ่งไทยมีความพร้อมมากที่สุด
    • ฐานการส่งออก: รถที่ผลิตจากไลน์ใหม่นี้ ไม่ได้ขายแค่ในไทย แต่จะถูกส่งออกไปจำหน่ายทั่วอาเซียนและออสเตรเลีย การลงทุนครั้งนี้จึงเป็นการการันตีว่า Mazda จะอยู่คู่เมืองไทยไปอีกนาน
    เครื่องฟอกอากาศในรถ Xiaomi MiJia Car Air Purifier ฟอกอากาศ PM2.5 ได้ ทำความสะอาดในรถ Air cleaning
  5. การใส่ใจสุขภาพและสิ่งแวดล้อม (Health & Green)
  6.           นอกจากเรื่องสมรรถนะ Mazda รุ่นใหม่ๆ ภายใต้เทคโนโลยี MHEV ยังเน้นเรื่อง Clean Air การลดการปล่อยคาร์บอนไดออกไซด์ ซึ่งสอดคล้องกับเทรนด์รักสุขภาพ (Health Conscious) ของคนยุคใหม่ที่ใส่ใจเรื่องอากาศที่หายใจเข้าไปทั้งนอกรถและในรถ

  7. เทคโนโลยีที่มาพร้อมความปลอดภัย
  8.           การลงทุนครั้งนี้ยังรวมถึงการติดตั้งเครื่องจักรและเทคโนโลยีใหม่ๆ เพื่อรองรับระบบความปลอดภัยอัจฉริยะ (i-Activsense) ที่จะซับซ้อนยิ่งขึ้นในอนาคต เพื่อปกป้องชีวิตผู้ขับขี่และผู้โดยสารให้ดีที่สุด

ช่องเสียบข้างเบาะ หรือกระเป๋าหลังเบาะ ช่วยเก็บแก้วน้ำ มือถือ และของจุกจิกให้เป็นที่ทาง

ก้าวที่กล้าและมั่นคง

          การทุ่มทุน 5,000 ล้านบาทของ Mazda คือคำตอบที่ชัดเจนว่า พวกเขาไม่ได้ปฏิเสธเทคโนโลยีไฟฟ้า แต่เลือกที่จะนำเสนอในรูปแบบที่ "เหมาะสม" และ "ใช้งานได้จริงที่สุด" สำหรับโครงสร้างพื้นฐานในปัจจุบัน พร้อมทั้งยืนยันความเชื่อมั่นในศักยภาพของประเทศไทยในระยะยาว

ความคุ้มครองที่ "ใช่" สำหรับรถคันโปรดของคุณ

          ไม่ว่าคุณจะขับ Mazda รุ่น MHEV ใหม่ล่าสุด หรือรถยนต์รุ่นใดก็ตาม การมีหลักประกันที่มั่นคงเป็นสิ่งที่ขาดไม่ได้ เพื่อให้คุณขับขี่ได้อย่างสบายใจ ทั้งในแง่ของตัวรถและสุขภาพของคุณเอง หากคุณกำลังมองหา ประกันภัยรถยนต์ ที่ครอบคลุม หรือสนใจ ประกันสุขภาพ และ ประกันชีวิต ที่ตอบโจทย์ไลฟ์สไตล์ยุคใหม่

          แนะนำให้ปรึกษาและเลือกดูข้อเสนอสุดพิเศษได้ที่ ALLINSURE เราพร้อมคัดสรรแผนประกันที่ดีที่สุดและคุ้มค่าที่สุดมาให้คุณ เปรียบเทียบง่าย จบไว ไว้ใจได้ในที่เดียว

เช็คเบี้ยประกันภัยรถยนต์ฟรี

วันอังคารที่ 16 ธันวาคม พ.ศ. 2568

เจาะลึก! ทำไม Toyota ยืนหนึ่ง Motor Expo 2025 ท่ามกลางกระแส EV

สมรภูมิยานยนต์ที่ดุเดือดที่สุด

Toyota ยืนหนึ่ง Motor Expo 2025

          งาน Motor Expo 2025 ปีนี้ถือเป็นสังเวียนที่ร้อนระอุที่สุดในรอบทศวรรษ การถาโถมของค่ายรถยนต์ไฟฟ้า (EV) จากแดนมังกรที่งัดกลยุทธ์สงครามราคาและเทคโนโลยีล้ำสมัยมาสู้ตาย แต่เมื่อจบงานและกางตัวเลขยอดจองออกมา ผู้ที่ยังคงยืนตระหง่านอยู่บนจุดสูงสุดกลับยังคงเป็นพี่ใหญ่แห่งวงการอย่าง TOYOTA

          คำถามที่หลายคนสงสัยคือ ท่ามกลางกระแส "รักษ์โลก" และเทรนด์รถ EV ที่มาแรงขนาดนี้ ทำไมคนไทยส่วนใหญ่ยังเทใจให้ Toyota? นี่คือบทวิเคราะห์ 3 ปัจจัยหลักที่ทำให้ค่ายสามห่วงยังคงครองแชมป์ครับ

  1. กลยุทธ์ "Multi-pathway" ทางเลือกที่ตอบโจทย์ชีวิตจริง
  2.           ในขณะที่หลายค่ายมุ่งเป้าไปที่รถยนต์ไฟฟ้า 100% (BEV) เพียงอย่างเดียว Toyota กลับมองต่างด้วยกลยุทธ์ "Multi-pathway" หรือการมีทางเลือกที่หลากหลาย

    • Hybrid (HEV) ยังเป็นพระเอก: สำหรับคนไทยที่ยังกังวลเรื่องสถานีชาร์จหรือเดินทางไกลบ่อย รถยนต์ไฮบริดรุ่นใหม่ๆ ของ Toyota (เช่น New Camry หรือ Yaris Cross) ตอบโจทย์เรื่องความประหยัดน้ำมันได้ดีเยี่ยมโดยไม่ต้องเปลี่ยนพฤติกรรม
    • ตัวเลือกครบทุกเซกเมนต์: ตั้งแต่ Eco Car, SUV ไปจนถึงกระบะพันธุ์แกร่งอย่าง Hilux Champ ที่ปรับแต่งได้หลากหลาย ทำให้ลูกค้าทุกกลุ่มวิ่งเข้าหา Toyota ก่อนเสมอ
    เครื่องดูดฝุ่นในรถไร้สาย แรงดูดสูง พกพาง่าย ช่วยกำจัดฝุ่น PM2.5 และเศษขนมในรถ เหมาะกับคนรักรถและรักสุขภาพ
  3. ความเชื่อมั่นใน "บริการหลังการขาย" และ "ราคาขายต่อ"
  4.           วลีที่ว่า "โตโยต้า ซ่อมง่าย อะไหล่เยอะ" ยังคงศักดิ์สิทธิ์เสมอในปี 2025 โดยเฉพาะเมื่อเทียบกับค่ายรถหน้าใหม่ที่เพิ่งเข้ามาทำตลาด ซึ่งผู้บริโภคยังไม่มั่นใจเรื่องสต็อกอะไหล่ระยะยาว

    • Network ที่แข็งแกร่ง: ศูนย์บริการที่ครอบคลุมทุกอำเภอทั่วไทย ทำให้ผู้ใช้รถอุ่นใจ ไม่ว่าจะรถเสียที่ไหนก็มีช่างดูแล
    • ราคาขายต่อ (Resale Value): รถ Toyota ยังคงเป็นแบรนด์ที่ราคาตกน้อยที่สุด การซื้อ Toyota จึงเหมือนการลงทุนสินทรัพย์ที่มูลค่าไม่หายไปง่ายๆ ซึ่งเป็นปัจจัยสำคัญในยุคเศรษฐกิจผันผวน
    กล้องติดรถยนต์ 70mai A810 4K คมชัดทั้งกลางวันกลางคืน มี GPS ในตัว เป็นสิ่งที่รถทุกคันต้องมีในยุคนี้
  5. การปรับตัวสู่ยุค Digital และ Lifestyle
  6.           Toyota ไม่ได้ขายแค่รถ แต่ขาย Lifestyle ในงาน Motor Expo 2025 เราได้เห็นเทคโนโลยี T-Connect ที่ฉลาดขึ้น เชื่อมต่อกับ Smart Home และสุขภาพของผู้ขับขี่ รวมถึงการออกแบบรถรุ่นใหม่ๆ ที่มีความโฉบเฉี่ยว วัยรุ่นขึ้น ลบภาพจำรถคนแก่ไปได้อย่างสิ้นเชิง

              การใส่ใจใน Ergonomics (สรีรศาสตร์) ภายในห้องโดยสาร ก็เป็นอีกจุดเด่นที่ทำให้ขับขี่ทางไกลได้ไม่เมื่อยล้า ซึ่งตรงใจกลุ่มคนรักสุขภาพที่ต้องใช้เวลาบนท้องถนนนานๆ

    เบาะรองหลังเพื่อสุขภาพ Bewell ช่วยรองรับสรีระ ลดอาการปวดหลังเมื่อต้องขับรถฝ่ารถติดเป็นเวลานาน

แชมป์ที่ไม่เคยหยุดพัฒนา

          เหตุผลที่ TOYOTA ยังคงครองอันดับ 1 ใน Motor Expo 2025 ไม่ใช่เรื่องบังเอิญ แต่เกิดจากการผสมผสานระหว่าง "ความน่าเชื่อถือ" ที่สั่งสมมานาน กับ "นวัตกรรม" ที่จับต้องได้จริง ทำให้ไม่ว่าโลกยานยนต์จะหมุนไปทางไหน Toyota ก็ยังเป็น "Safe Choice" ที่ดีที่สุดสำหรับคนไทยเสมอ

ออกรถใหม่ อย่าลืมความคุ้มครองที่ดีที่สุด

          ไม่ว่าคุณจะตัดสินใจจองรถ Toyota หรือค่ายไหนในงาน Motor Expo สิ่งที่สำคัญพอๆ กับตัวรถคือ "ประกันภัยรถยนต์" ที่ไว้ใจได้ หากคุณกำลังมองหาข้อเสนอประกันชั้น 1 ที่คุ้มค่า เบี้ยราคาดี และมีความคุ้มครองครอบคลุมทั้งรถและสุขภาพของคุณ แนะนำให้ลองเช็คเบี้ยและเปรียบเทียบข้อเสนอสุดพิเศษได้ที่ ALLINSURE โบรกเกอร์ประกันภัยที่คัดสรรสิ่งที่ดีที่สุดมาเพื่อคุณ ให้คุณขับขี่ได้อย่างมั่นใจ ไร้กังวลในทุกเส้นทาง

เช็คเบี้ยประกันภัยรถยนต์ฟรี

About