แสดงบทความที่มีป้ายกำกับ การรับประกัน แสดงบทความทั้งหมด
แสดงบทความที่มีป้ายกำกับ การรับประกัน แสดงบทความทั้งหมด

วันพฤหัสบดีที่ 2 ตุลาคม พ.ศ. 2568

EV ดุ! สงครามราคาไม่จบง่าย ผู้ใช้รถจะอยู่รอดในสมรภูมินี้ได้อย่างไร

สงครามราคารถยนต์ไฟฟ้า

          ในช่วงไม่กี่ปีที่ผ่านมา ตลาดรถยนต์ไฟฟ้า (EV) ในประเทศไทยเติบโตอย่างก้าวกระโดด แต่การเติบโตนี้มาพร้อมกับปรากฏการณ์ที่ร้อนแรงไม่แพ้กัน นั่นคือ "สงครามราคา" ที่ดูเหมือนจะไม่มีวันสิ้นสุด ค่ายรถยนต์ โดยเฉพาะแบรนด์จากจีน ต่างงัดกลยุทธ์ลดแลกแจกแถมอย่างหนัก เพื่อช่วงชิงส่วนแบ่งตลาด ทำให้ราคาขายปลีกถูกปรับลดลงอย่างต่อเนื่อง และส่งผลกระทบเป็นวงกว้างต่ออุตสาหกรรมยานยนต์ไทยทั้งหมด

สงครามที่ยังไม่เห็นจุดจบ

          การลดราคาของรถ EV รุ่นใหม่ๆ ไม่ใช่แค่การจัดโปรโมชันชั่วคราว แต่ได้กลายเป็นกลไกหลักในการแข่งขัน ซึ่งมีสาเหตุหลักมาจากหลายปัจจัย ดังนี้

  1. การแข่งขันที่รุนแรง: ผู้ผลิตหน้าใหม่จำนวนมาก โดยเฉพาะจากจีน เข้ามาทำตลาดอย่างดุดัน ทำให้เกิดภาวะสินค้าล้นตลาด (Over Supply) และต้องใช้ราคาเป็นเครื่องมือในการระบายสต็อก

  2. การรอคอยของผู้บริโภค: เมื่อมีการลดราคาบ่อยครั้ง ผู้บริโภคที่ต้องการซื้อรถจึงมีแนวโน้มที่จะ "ชะลอการตัดสินใจซื้อ" เพื่อรอดูว่าราคาจะลดลงอีกหรือไม่ หรือจะมีแคมเปญใหม่ที่ดีกว่าเดิมออกมาหรือไม่ พฤติกรรมนี้ยิ่งกดดันให้ผู้ผลิตต้องลดราคาลงไปอีก

  3. นโยบายรัฐและการผลิตในประเทศ: การสนับสนุนจากภาครัฐ รวมถึงแผนการตั้งฐานการผลิตในไทยในระยะต่อไป ทำให้ต้นทุนการผลิตในประเทศอาจถูกลง ซึ่งเปิดโอกาสให้มีการปรับลดราคาอีกในอนาคต

ผลกระทบวงกว้างที่เกินกว่าราคาขาย

          สงครามราคา EV ไม่ได้จำกัดอยู่แค่การตัดราคารถใหม่ แต่ได้สร้างแรงสั่นสะเทือนไปทั่วทั้งตลาดรถยนต์

  • กระทบต่อผู้ซื้อเดิมและความเชื่อมั่น: ผู้ที่ซื้อรถ EV ไปก่อนหน้าในราคาสูง ย่อมรู้สึกไม่พอใจเมื่อรถรุ่นเดียวกันถูกปรับลดราคาลงมาหลายแสนบาทในเวลาอันสั้น ทำให้ มูลค่ารถลดลงอย่างรวดเร็ว (Depreciation) จนกลายเป็น "ฝันร้ายของการขายต่อ" ส่งผลให้ความเชื่อมั่นในแบรนด์และราคาที่กำหนดไว้แต่แรกหายไป

  • กระทบตลาดรถมือสอง: เมื่อรถ EV ใหม่ลดราคาอย่างหนัก ย่อมส่งผลให้ราคารถยนต์มือสอง ทั้งรถ EV และรถยนต์สันดาปภายใน (ICE) ต้องปรับลดลงตามไปด้วย ทำให้ตลาดรถมือสองซบเซาลงอย่างมาก และทำให้เจ้าของรถมือสองมี "ความมั่งคั่ง" (Wealth) ลดลง

  • กระทบต่อสถาบันการเงิน: การที่มูลค่ารถ EV ตกลงอย่างรวดเร็ว ทำให้สถาบันการเงินต้องเพิ่มความระมัดระวังในการพิจารณาอนุมัติสินเชื่อ เพราะความเสี่ยงที่รถจะเป็นหนี้เสีย หรือเมื่อยึดรถแล้วจะได้ราคาต่ำกว่าที่ประเมินไว้จะสูงขึ้น

  • กระทบต่อประกันภัย: ข้อมูลจากตลาดบ่งชี้ว่า บริษัทประกันหลายแห่งเริ่มมีความกังวลเกี่ยวกับต้นทุนการซ่อมรถ EV ที่สูงกว่ารถยนต์ทั่วไป รวมถึงความไม่แน่นอนในการหาอะไหล่และราคารถที่ผันผวน ส่งผลให้ เบี้ยประกันภัยรถ EV มีแนวโน้มสูงขึ้น หรือมีการรับประกันที่เข้มงวดมากขึ้น

ผู้ใช้รถจะอยู่รอดในสมรภูมินี้ได้อย่างไร

          ในฐานะผู้บริโภค เราอาจรู้สึกเหมือนกำลังยืนอยู่กลางสมรภูมิราคาที่เต็มไปด้วยความไม่แน่นอน การวางแผนทางการเงินที่รอบคอบจึงสำคัญอย่างยิ่ง

          เมื่อราคาตัวรถลดลงอย่างต่อเนื่อง สิ่งหนึ่งที่ผู้ใช้รถควบคุมได้และเป็นเกราะป้องกันความเสี่ยง คือ การบริหารความเสี่ยงด้านการใช้งาน เพราะไม่ว่าราคารถจะลดลงแค่ไหน แต่ความเสี่ยงจากอุบัติเหตุ ความเสียหาย หรือความรับผิดต่อบุคคลภายนอกยังคงอยู่

          ดังนั้น สิ่งสำคัญที่คนใช้รถ ไม่ว่าจะเป็นรถ EV หรือรถยนต์ประเภทอื่น ควรทำคือ การเลือกทำประกันรถยนต์ที่ให้ความคุ้มครองครบถ้วนและคุ้มค่า เพื่อรองรับความเสี่ยงด้านการซ่อมแซมที่มีค่าใช้จ่ายสูง และความเสี่ยงต่อมูลค่ารถที่ลดลงอย่างรวดเร็ว

          หากคุณกำลังมองหาแผนประกันรถยนต์ที่พร้อมจะดูแลคุณในทุกสถานการณ์ของตลาดรถยนต์ที่ผันผวนเช่นนี้ เราขอแนะนำให้คุณปรึกษา Allinsure ซึ่งเป็นผู้ให้บริการที่รวบรวมผลิตภัณฑ์ประกันภัยรถยนต์จากหลากหลายบริษัทชั้นนำมาให้คุณเปรียบเทียบและเลือกในราคาที่เหมาะสม พร้อมคำแนะนำที่ตอบโจทย์ความเสี่ยงเฉพาะตัวของรถ EV และรถของคุณ เพื่อให้คุณสามารถขับขี่ได้อย่างมั่นใจในทุกการเดินทาง

วันพฤหัสบดีที่ 11 กันยายน พ.ศ. 2568

ส่องประกันเครื่องก่อนเป็นเจ้าของ iPhone17

ชวนส่องดูประกันตัวเครื่องก่อนตัดสินใจครับ ก่อนครอบครอง iPhone17

ประกันเครื่อง iphone17

1. การรับประกันแบบจำกัดของ Apple (Apple Limited Warranty)

  • ระยะเวลา: โดยทั่วไปคือ 1 ปี นับจากวันที่ซื้อ
  • ครอบคลุมอะไรบ้าง: ครอบคลุมความบกพร่องที่เกิดจากการผลิต (Manufacturing Defects) เช่น ปัญหาที่เกี่ยวข้องกับฮาร์ดแวร์ การทำงานของอุปกรณ์ที่ผิดปกติ หรือชิ้นส่วนภายในที่ชำรุดจากการผลิต
  • เงื่อนไข: การรับประกันนี้จะใช้ได้ก็ต่อเมื่อผลิตภัณฑ์ถูกใช้งานตามปกติ และไม่ครอบคลุมความเสียหายที่เกิดจากอุบัติเหตุ เช่น การตกกระแทก การโดนน้ำ หรือการดัดแปลงอุปกรณ์
  • บริการ: หากเกิดปัญหาภายใต้การรับประกันนี้ ลูกค้าสามารถนำเครื่องเข้ารับบริการได้ที่ Apple Store หรือศูนย์บริการที่ได้รับอนุญาต (Apple Authorized Service Provider) โดยไม่มีค่าใช้จ่ายสำหรับค่าอะไหล่และค่าแรง

2. AppleCare+

  • คืออะไร: เป็นบริการเสริมที่ให้ความคุ้มครองเพิ่มเติมจาก Apple Limited Warranty ซึ่งลูกค้าสามารถซื้อเพิ่มได้ในช่วงเวลาที่กำหนด (โดยทั่วไปคือภายใน 60 วันหลังจากการซื้อ iPhone)
  • ระยะเวลา: โดยทั่วไปจะขยายความคุ้มครองออกไปเป็น 2 ปี หรือ 3 ปี
  • ความเสียหายจากอุบัติเหตุ: ครอบคลุมความเสียหายจากอุบัติเหตุ เช่น หน้าจอแตก, เครื่องตก, หรือความเสียหายจากของเหลว
  • การซ่อมแซมที่ไม่จำกัดจำนวนครั้ง: AppleCare+ สำหรับ iPhone 17 (ตามข้อมูลที่ปรากฏ) อาจเสนอการซ่อมแซมความเสียหายจากอุบัติเหตุแบบไม่จำกัดจำนวนครั้ง โดยมีค่าธรรมเนียมการให้บริการ (service fee) ในแต่ละครั้ง ซึ่งจะถูกกว่าการซ่อมนอกเงื่อนไข
  • ความคุ้มครองแบตเตอรี่: หากแบตเตอรี่เก็บประจุได้น้อยกว่า 80% ของความจุเดิม จะสามารถขอเปลี่ยนแบตเตอรี่ใหม่ได้โดยไม่มีค่าใช้จ่าย
  • การสนับสนุนทางเทคนิค: ให้สิทธิพิเศษในการติดต่อกับผู้เชี่ยวชาญของ Apple ผ่านทางโทรศัพท์หรือแชท เพื่อรับความช่วยเหลือด้านซอฟต์แวร์และอื่นๆ

3. การตรวจสอบคุณภาพสินค้า (Quality Assurance)

          แม้ว่าข้อมูลการรับประกันจะเป็นส่วนที่สำคัญ แต่เบื้องหลังความน่าเชื่อถือของ Apple คือกระบวนการควบคุมคุณภาพที่เข้มงวด:

  • วัสดุและชิ้นส่วน: Apple มักจะเลือกใช้วัสดุที่มีคุณภาพสูง เช่น การใช้กระจก Ceramic Shield ที่มีความทนทานต่อรอยขีดข่วนและการตกกระแทกมากกว่ารุ่นก่อนหน้า
  • การทดสอบในโรงงาน: iPhone ทุกเครื่องผ่านการทดสอบหลายขั้นตอนในโรงงานผลิต เพื่อให้แน่ใจว่าฟังก์ชันต่างๆ ทำงานได้อย่างถูกต้อง
  • การออกแบบที่ทนทาน: การออกแบบโครงสร้างของ iPhone มุ่งเน้นความแข็งแรงทนทาน เพื่อลดโอกาสที่จะเกิดความเสียหายจากการใช้งานในชีวิตประจำวัน เช่น การกันน้ำและฝุ่นในระดับ IP (Ingress Protection)

ข้อควรทราบเพิ่มเติม

  • ใบเสร็จและหลักฐาน: การเคลมประกันทุกกรณีจะต้องมีหลักฐานการซื้อที่ถูกต้อง
  • ศูนย์บริการ: ควรนำเครื่องเข้ารับบริการที่ Apple Store หรือศูนย์บริการที่ได้รับอนุญาตจาก Apple เท่านั้น เพื่อให้แน่ใจว่าจะได้รับบริการที่ถูกต้องและใช้อะไหล่แท้
  • ถ่ายวิดีโอแกะกล่อง: ร้านค้าตัวแทนจำหน่ายหลายแห่งแนะนำให้ลูกค้าถ่ายวิดีโอขณะแกะกล่องสินค้า เพื่อใช้เป็นหลักฐานในกรณีที่สินค้ามีปัญหาตั้งแต่แรกได้รับ

          โดยสรุปการรับประกันคุณภาพของ iPhone จะประกอบด้วย การรับประกันมาตรฐาน 1 ปี ที่ครอบคลุมความบกพร่องจากการผลิต และ AppleCare+ ที่เป็นทางเลือกเสริมเพื่อขยายความคุ้มครองสำหรับความเสียหายที่เกิดจากอุบัติเหตุ เมื่อ iPhone 17 เปิดตัว มาดูกันอีกทีว่าจะมีความคุ้มครองพิเศษอะไรเพิ่มเติมอีกหรือไม่

About