ตลาดรถยนต์ไฟฟ้า (EV) ในสหรัฐอเมริกากำลังเผชิญกับความเป็นจริงอันเจ็บปวด นั่นคือ จีนได้สร้างความได้เปรียบในการผลิตแบตเตอรี่อย่างท่วมท้น และมีบทบาทในการกำหนดราคาแบตเตอรี่ทั่วโลก ขณะที่สหรัฐฯ กำลังทุ่มเงินลงทุนมหาศาลเพื่อดึงฐานการผลิตกลับประเทศ แต่ก็ยังคงตามหลังอยู่หลายก้าว
- จีน: มหาอำนาจแบตเตอรี่ที่แซงหน้ายาก
- กำลังการผลิตมหาศาล: จีนครองส่วนแบ่งการผลิตแบตเตอรี่ทั่วโลกถึงประมาณ 70% และคาดว่ากำลังการผลิตแบตเตอรี่ของจีนเพียง 2 บริษัทหลัก ก็เกินกำลังการผลิตรวมของทุกประเทศที่เหลือในโลก
- ความได้เปรียบด้านราคา: ราคาเฉลี่ยของแบตเตอรี่ในจีนลดลงอย่างต่อเนื่อง และคาดว่าเซลล์แบตเตอรี่แบบ LFP (Lithium Iron Phosphate) ที่ผลิตในจีน จะมีราคาถูกกว่าเซลล์ NCM ที่ผลิตในอเมริกาเหนือถึง 60%-70% ในปี 2569 (2026) ซึ่งเป็นความแตกต่างที่ยากต่อการแข่งขัน
- การคุมวัตถุดิบ: จีนควบคุมตลาดวัตถุดิบสำคัญ เช่น กราไฟท์ (Graphite) ที่ใช้ในการผลิตชิ้นส่วนอิเล็กทรอนิกส์สำหรับแบตเตอรี่ถึง 75% ทั่วโลก ทำให้สหรัฐฯ ยังต้องพึ่งพาจีนในการผลิตชิ้นส่วนหลัก
- สหรัฐฯ: เงินอุดหนุนและแรงดึงดูดการลงทุน
- แรงดึงดูดการลงทุน: IRA ได้เสนอเงินอุดหนุนในอัตราที่สูงมากจนสามารถ ดึงดูดผู้ผลิตแบตเตอรี่จากยุโรปและเอเชีย (เช่น เกาหลีใต้ ญี่ปุ่น) ให้ย้ายหรือขยายฐานการผลิตมายังสหรัฐฯ
- การลงทุนของค่ายรถ: ผู้ผลิตรถยนต์รายใหญ่ เช่น Toyota ได้ยืนยันแผนการลงทุนกว่า $1$ หมื่นล้านดอลลาร์ใน 5 ปีข้างหน้า เพื่อสร้างโรงงานผลิตแบตเตอรี่ในสหรัฐฯ โดยเฉพาะที่รัฐนอร์ทแคโรไลนา ซึ่งจะเป็นการเสริมความมั่นคงทางเศรษฐกิจของประเทศ
- การเปลี่ยนซัพพลายเชน: ค่ายรถอเมริกันอย่าง GM ได้เริ่มออกคำสั่งให้ซัพพลายเออร์ ถอดชิ้นส่วนและวัตถุดิบจากจีน ออกจากห่วงโซ่อุปทานภายในปี 2570 เพื่อลดการพึ่งพาจีนตามนโยบายของรัฐบาล
- ความท้าทายที่ยังคงอยู่
- การชะลอตัวของยอดขาย EV: ยอดขาย EV ที่ชะลอตัวหลังหมดมาตรการลดหย่อนภาษี ทำให้ค่ายรถยนต์ต้อง ลดกำลังการผลิตแบตเตอรี่ลง ชั่วคราว (เช่น GM ประกาศลดกำลังการผลิตแบตเตอรี่และปลดพนักงานกว่า 1,700 คน) ซึ่งขัดขวางความพยายามในการสร้างกำลังการผลิต
- เทคโนโลยีใหม่ที่ตามหลัง: จีนไม่ได้เพียงแต่ครองตลาดแบตเตอรี่ลิเธียมไอออนแบบดั้งเดิม แต่ยังเป็นผู้นำในเทคโนโลยีแห่งอนาคต เช่น Solid-State Battery และ Sodium-ion Battery โดยคาดว่าจีนจะครองกำลังการผลิต Solid-State Battery กว่า 80% ในปี 2569 (2026)
- ต้นทุนการผลิตที่สูง: ภาษีนำเข้าที่สูงขึ้นสำหรับชิ้นส่วนบางชนิด อาจทำให้ต้นทุนการผลิตแบตเตอรี่ในสหรัฐฯ สูงขึ้น อีก ซึ่งอาจส่งผลกระทบให้ราคารถ EV ในประเทศยังคงแพงกว่าคู่แข่ง
จีนไม่ได้เป็นเพียงผู้ผลิตแบตเตอรี่รายใหญ่เท่านั้น แต่ยัง ควบคุมห่วงโซ่อุปทานทั้งหมด ตั้งแต่ต้นน้ำจนถึงปลายน้ำ:
![]() |
| เครื่องชาร์จรถไฟฟ้าแบบพกพา รับประกัน 3 ปี จัดส่งฟรี |
รัฐบาลสหรัฐฯ ได้ตอบโต้ความท้าทายนี้ผ่าน พระราชบัญญัติลดอัตราเงินเฟ้อ (Inflation Reduction Act - IRA) ซึ่งเป็นการอัดฉีดเงินอุดหนุนหลายพันล้านดอลลาร์เพื่อสร้างฐานการผลิตในประเทศ:
![]() |
| ตะแกรงกันหนู แผ่นปิดกันหนูสำหรับรถไฟฟ้า |
แม้จะมีความพยายามอย่างหนัก แต่สหรัฐฯ ยังเผชิญอุปสรรคสำคัญ:
![]() |
| สายV2L Vehicle to Load สายจ่ายไฟออกจากรถ รองรับการจ่ายไฟ 3300 วัตต์ |
สรุป: สหรัฐอเมริกากำลังอยู่ในช่วงเวลาสำคัญในการเร่งสร้างอุตสาหกรรมแบตเตอรี่ในประเทศ โดยใช้เงินอุดหนุนเป็นเครื่องมือหลัก แต่ก็ต้องยอมรับว่า จีนได้สร้างช่องว่างด้านกำลังการผลิตและต้นทุนที่ห่างกันอย่างมาก และการจะ "แซงหน้า" จีนได้นั้น อาจต้องพึ่งพา การสร้างนวัตกรรมแบตเตอรี่รุ่นใหม่ ที่พลิกเกมได้อย่างแท้จริงในระยะยาว
การลงทุนในรถยนต์ไฟฟ้า EV เพื่อธุรกิจ หรือรถยนต์นั่งส่วนบุคคล ถือเป็นการเปลี่ยนผ่านครั้งสำคัญที่ช่วยประหยัดพลังงานในระยะยาว แต่การปกป้องความเสียหายจากอุบัติเหตุยังคงเป็นเรื่องที่สำคัญที่สุด เพื่อให้คุณได้รับความคุ้มครองที่ครอบคลุมและคุ้มค่าที่สุดในราคาที่ดีที่สุด ขอแนะนำให้คุณปรึกษาและเช็คราคาเบี้ยประกันภัยรถยนต์ไฟฟ้ากับผู้เชี่ยวชาญจาก Allinsure พิเศษยิ่งกว่านั้น สำหรับลูกค้าที่อยู่ในจังหวัดจันทบุรี Allinsure มีข้อเสนอและโปรโมชั่นส่วนลดพิเศษเฉพาะพื้นที่ มั่นใจได้ว่าคุณจะได้รับความคุ้มครองที่มั่นคงที่สุดสำหรับรถ EV คันโปรดของคุณในราคาที่คุณพอใจ



