ถอดบทเรียนเหยื่อสิงโต เมื่อการชดเชยตามกฎหมายอาจไม่พอ

จากเหตุสลด: เมื่อความรับผิดชอบของสวนสัตว์ไม่ใช่คำตอบเดียว

          จากข่าวสลดที่เจ้าหน้าที่สวนสัตว์ถูกสิงโตทำร้ายเสียชีวิต สะท้อนให้เห็นถึงอันตรายที่แฝงอยู่ในงานที่ต้องใกล้ชิดกับสัตว์ป่า และยังเป็นเครื่องเตือนใจว่าอุบัติเหตุสามารถเกิดขึ้นได้ทุกเมื่อ ไม่ว่าจะกับพนักงานหรือผู้มาเยือนอย่างประชาชนทั่วไป

👉ความรับผิดชอบของสวนสัตว์: มาตรการที่จำเป็น แต่ไม่เพียงพอ

          เมื่อเกิดเหตุไม่คาดฝันขึ้น สวนสัตว์ในฐานะผู้ประกอบการมีหน้าที่ต้องรับผิดชอบตามกฎหมายอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้ ไม่ว่าจะเป็น:

• ความรับผิดในฐานะนายจ้าง: กรณีที่พนักงานบาดเจ็บหรือเสียชีวิต นายจ้างมีหน้าที่ต้องจ่ายเงินชดเชยตามกฎหมายแรงงานหรือกฎหมายว่าด้วยการประกันสังคม รวมถึงการจ่ายเงินเยียวยาเพิ่มเติมตามแต่จะตกลงกัน

• ความรับผิดในฐานะผู้ให้บริการ: หากเหตุการณ์เกิดขึ้นกับประชาชนที่เข้าไปเที่ยว สวนสัตว์ต้องรับผิดชอบในฐานะผู้ประกอบการที่ต้องจัดหาสถานที่ที่ปลอดภัยตามกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ และต้องชดใช้ค่าเสียหายที่เกิดขึ้นอย่างเต็มที่

            อ้างอิงข้อมูลจาก มติชนออนไลน์ เกี่ยวกับการเยียวยาผู้เสียชีวิต (11 ก.ย.2568) จ่ายเบื้องต้น 31,500 บาท ทั้งนี้ยังมีสิทธิ์ได้รับทายาทผู้มีสิทธิของลูกจ้างที่เสียชีวิตจะได้รับสิทธิประโยชน์จากสำนักงานประกันสังคม ดังนี้ เงินค่าทำศพ จำนวน 50,000 บาท เงินทดแทนกรณีเสียชีวิต ร้อยละ 70 ของค่าจ้าง เป็นระยะเวลา 10 ปี และเงินบำเหน็จชราภาพพร้อมดอกผล

            แม้ว่าการรับผิดชอบของสวนสัตว์จะช่วยบรรเทาความเดือดร้อนได้ แต่ในความเป็นจริงแล้วเงินชดเชยเหล่านั้นอาจไม่เพียงพอต่อค่าใช้จ่ายทั้งหมด โดยเฉพาะหากเป็นกรณีที่ต้องรักษาพยาบาลระยะยาว หรือเป็นการจากไปอย่างกะทันหันของผู้เป็นเสาหลักของครอบครัว นี่จึงเป็นเหตุผลที่การวางแผนส่วนบุคคลอย่าง "การทำประกันชีวิต" เข้ามามีบทบาทสำคัญ

👉ประกันชีวิต: เกราะป้องกันความเสี่ยงที่อยู่เหนือความรับผิดชอบ

            การมีประกันชีวิตเปรียบเสมือนการสร้างเกราะป้องกันส่วนตัว ที่จะช่วยให้คุณอุ่นใจและมั่นใจว่าไม่ว่าอะไรจะเกิดขึ้นในชีวิต คุณและคนที่คุณรักจะได้รับการดูแลอย่างดีที่สุดเสมอ

• คุ้มครองทั้งในและนอกเวลาทำงาน: หากคุณเป็นเจ้าหน้าที่สวนสัตว์ ประกันชีวิตจะเข้ามาคุ้มครองคุณตลอด 24 ชั่วโมง ไม่ใช่แค่เฉพาะในเวลางาน หรือในพื้นที่ของสวนสัตว์เท่านั้น ซึ่งครอบคลุมความเสี่ยงจากอุบัติเหตุหรืออาการเจ็บป่วยที่อาจเกิดขึ้นได้ทุกเมื่อ

• เพิ่มความคุ้มครองที่เกินกว่ากฎหมายกำหนด: หากเกิดเหตุร้ายขึ้นกับคุณไม่ว่าจะเป็นที่ใดก็ตาม เงินสินไหมทดแทนจากประกันชีวิตจะช่วยเติมเต็มส่วนที่เงินชดเชยจากผู้ประกอบการอาจไม่ครอบคลุม เช่น ค่ารักษาพยาบาลที่สูงลิ่ว หรือเงินทุนการศึกษาสำหรับบุตรหลานที่อาจต้องขาดแคลน

• สร้างความมั่นคงให้คนที่คุณรัก: ในกรณีที่เกิดเหตุไม่คาดฝันถึงชีวิต เงินจากประกันชีวิตจะทำหน้าที่เป็นเงินก้อนสุดท้ายที่คุณมอบให้กับครอบครัว เพื่อให้พวกเขาสามารถใช้ชีวิตต่อไปได้โดยไม่ต้องเผชิญกับภาระทางการเงินที่หนักหน่วง

            เหตุการณ์สลดในสวนสัตว์เป็นบทเรียนที่เตือนใจเราทุกคนว่าชีวิตมีความเสี่ยงที่ไม่แน่นอน การเตรียมพร้อมรับมือจึงเป็นสิ่งสำคัญที่สุด นอกจากการพึ่งพาความรับผิดชอบของผู้ประกอบการแล้ว การมีประกันชีวิตคือทางเลือกที่ชาญฉลาด ที่จะช่วยให้คุณควบคุมความเสี่ยงในชีวิตของตัวเอง และปกป้องคนที่คุณรักได้อย่างแท้จริง

ฆ่าตัวตายประกันชีวิตจ่ายหรือไม่

ฆ่าตัวตายประกันชีวิตจ่ายหรือไม่ "Start the Conversation"

          เนื่องในวันที่ 10 กันยายนของทุกปี เป็นวันป้องกันการฆ่าตัวตายโลก (World Suicide Prevention Day) สำนักงานหลักประกันสุขภาพแห่งชาติ (สปสช.) ได้ร่วมรณรงค์เพื่อสร้างความตระหนักรู้และลดปัญหาการฆ่าตัวตายที่ยังคงเป็นปัญหาสาธารณสุขที่สำคัญ

สถานการณ์และข้อมูลการฆ่าตัวตายในประเทศไทย

          ข้อมูลจากกรมสุขภาพจิตในปี 2567 ชี้ให้เห็นว่ามีผู้เสียชีวิตจากการฆ่าตัวตายสูงถึง 5,126 ราย คิดเป็นอัตรา 7.89 ต่อแสนประชากร และในแต่ละชั่วโมงมีคนพยายามฆ่าตัวตายถึง 4 คน โดยกลุ่มที่น่าเป็นห่วงและมีจำนวนสูงที่สุด ได้แก่

• กลุ่มวัยทำงาน (อายุ 20-59 ปี)มีจำนวนเสียชีวิตสูงสุดถึง 3,635 ราย

• กลุ่มวัยเรียน/วัยรุ่น (อายุ 15-19 ปี)มีอัตราการพยายามฆ่าตัวตายสูงที่สุดถึง 136.4

ต่อแสนประชากร ซึ่งเป็นตัวเลขที่น่ากังวลอย่างยิ่ง

"การฆ่าตัวตาย"เรื่องใกล้ตัวที่ประกันชีวิตและประกันสุขภาพไม่อาจมองข้าม

          จากข้อมูลที่น่าตกใจของกรมสุขภาพจิตพบว่าในแต่ละปีมีคนไทยจำนวนไม่น้อยที่เสียชีวิตจากการฆ่าตัวตาย โดยเฉพาะกลุ่ม วัยทำงาน และ วัยรุ่น ซึ่งเป็นกำลังสำคัญของครอบครัวและประเทศ การสูญเสียนี้ไม่ได้ส่งผลกระทบแค่ในเชิงของจิตใจเท่านั้น แต่ยังสร้างภาระทางการเงินอย่างมหาศาลให้กับผู้ที่อยู่ข้างหลัง ซึ่งนี่คือจุดที่ ประกันชีวิต และ ประกันสุขภาพ เข้ามามีบทบาทสำคัญ

ประกันชีวิต : ความคุ้มครองเพื่อผู้ที่อยู่ข้างหลัง

          ตามหลักการทั่วไป กรมธรรม์ประกันชีวิตส่วนใหญ่จะให้ความคุ้มครองกรณีเสียชีวิตทุกกรณี ไม่ว่าจะจากอุบัติเหตุ โรคภัยไข้เจ็บ หรือแม้กระทั่งการฆ่าตัวตาย อย่างไรก็ตาม มีข้อกำหนดสำคัญที่ผู้ทำประกันควรทราบคือ บริษัทประกันส่วนใหญ่จะ ยกเว้นความคุ้มครองกรณีฆ่าตัวตายภายใน 1 ปี นับจากวันทำสัญญาหรือวันต่ออายุสัญญาครั้งล่าสุด เพื่อป้องกันการทำประกันเพื่อหวังผลประโยชน์จากการฆ่าตัวตายโดยตรง แต่หลังจากพ้นระยะเวลา 1 ปีนี้แล้ว หากผู้เอาประกันเสียชีวิตจากการฆ่าตัวตาย บริษัทจะจ่ายเงินสินไหมทดแทนตามที่ระบุในกรมธรรม์ให้กับผู้รับผลประโยชน์

          ดังนั้น การมีประกันชีวิตจึงไม่ใช่แค่การวางแผนเพื่ออนาคตของตัวเอง แต่ยังเป็นการสร้างหลักประกันทางการเงินที่มั่นคงให้กับคนที่คุณรัก หากวันหนึ่งเกิดเหตุไม่คาดฝันขึ้น เงินสินไหมทดแทนนี้จะช่วยบรรเทาภาระทางการเงิน ทั้งค่าใช้จ่ายในชีวิตประจำวัน หนี้สิน หรือค่าเล่าเรียนของบุตรหลาน ทำให้ชีวิตของพวกเขาสามารถดำเนินต่อไปได้โดยไม่สะดุด

ประกันสุขภาพ : การดูแลที่ครอบคลุมถึงปัญหาสุขภาพจิต

          ปัญหาสุขภาพจิต เช่น ภาวะซึมเศร้า หรือความเครียดสะสม เป็นหนึ่งในสาเหตุสำคัญที่นำไปสู่การฆ่าตัวตาย ซึ่งการรักษาปัญหานี้ต้องอาศัยการเข้าถึงผู้เชี่ยวชาญอย่างต่อเนื่อง ประกันสุขภาพ ในปัจจุบันได้มีการขยายความคุ้มครองให้ครอบคลุมการรักษาโรคทางจิตเวชมากขึ้น ทำให้ผู้ป่วยสามารถเข้าถึงการรักษาจากจิตแพทย์หรือนักจิตวิทยาได้อย่างทันท่วงที แม้ว่าประกันสุขภาพจะไม่ได้คุ้มครองกรณีเสียชีวิต แต่การเข้าถึงการรักษาที่ครอบคลุมตั้งแต่เนิ่น ๆ จะช่วยป้องกันไม่ให้ปัญหาบานปลายจนนำไปสู่การฆ่าตัวตายได้ ซึ่งเป็นเป้าหมายหลักของการดูแลสุขภาพแบบองค์รวม บริการปรึกษาออนไลน์ หรือบริการรักษาทางไกล (Telemedicine) ที่มีอยู่ในประกันสุขภาพบางแผน ยังช่วยลดข้อจำกัดในการเข้าถึงการรักษาและลดความกังวลใจของผู้ป่วยได้อีกด้วย

การป้องกันและรับมือ : บทบาทของทุกภาคส่วน

           การแก้ปัญหาการฆ่าตัวตายต้องเริ่มจากการสร้างความเข้าใจและการยอมรับในปัญหาสุขภาพจิต การรณรงค์ "Start the Conversation" ที่เป็นส่วนหนึ่งของวันป้องกันการฆ่าตัวตายโลก จึงมีความสำคัญอย่างยิ่ง เพราะเมื่อมีการพูดคุยอย่างเปิดอก จะช่วยลดการตีตราทางสังคมและเปิดโอกาสให้ผู้ที่มีความเสี่ยงกล้าที่จะขอความช่วยเหลือ

          ทั้งนี้ การทำประกันชีวิตและประกันสุขภาพไม่ใช่แค่การซื้อความคุ้มครองทางการเงิน แต่เป็นการลงทุนในสุขภาพกายและใจของตนเองและครอบครัว เป็นเครื่องมือหนึ่งที่ช่วยให้คุณวางแผนรับมือกับความไม่แน่นอนของชีวิต และยังเป็นอีกหนึ่งวิธีในการแสดงความรักและความรับผิดชอบต่อผู้ที่อยู่ข้างหลังอย่างแท้จริง

"ประกันชีวิตไม่ใช่แค่เรื่องของคุณ แต่คือเรื่องของครอบครัว"
ให้ ALLINSURE เป็นตัวแทนดูแลเคียงข้างคุณ