แสดงบทความที่มีป้ายกำกับ การร่วมจ่าย แสดงบทความทั้งหมด
แสดงบทความที่มีป้ายกำกับ การร่วมจ่าย แสดงบทความทั้งหมด

วันอาทิตย์ที่ 16 พฤศจิกายน พ.ศ. 2568

Co-payment แฟร์จริงหรือ? เจาะลึก 3 มุมมองที่ทำให้คนไทย "ยอม" และ "ไม่ยอม"

✍️ บทวิเคราะห์ความคิดเห็นของคนไทยต่อเงื่อนไข "ร่วมจ่าย" (Co-payment) ในประกันสุขภาพ

Co-payment

          ความคิดเห็นของคนไทยต่อการนำเงื่อนไข "ร่วมจ่าย" (Co-payment) มาใช้ในกรมธรรม์ประกันสุขภาพ โดยเฉพาะการบังคับใช้กับการต่ออายุกรมธรรม์สำหรับผู้ที่เคลมสูง ถือเป็นประเด็นที่ซับซ้อนและมีมุมมองที่หลากหลาย โดยสามารถสรุปและวิเคราะห์ได้เป็น 3 กลุ่มหลัก ดังนี้ครับ

  1. กลุ่มที่ไม่เห็นด้วยอย่างยิ่ง (กลุ่มผู้บริโภคที่ได้รับผลกระทบโดยตรง)
  2.           กลุ่มนี้คือผู้ที่ได้รับผลกระทบมากที่สุด โดยเฉพาะผู้ที่ซื้อประกันสุขภาพมานาน มีประวัติการเคลมสูง หรือเป็นผู้ป่วยเรื้อรังที่ต้องรักษาต่อเนื่อง

    • ความรู้สึกหลัก: ถูกเอาเปรียบ และ ขาดความมั่นคง
    • เหตุผล:
      • ผิดสัญญา (Change of Terms): พวกเขามองว่าการที่บริษัทปรับเปลี่ยนเงื่อนไขการต่ออายุกรมธรรม์ (ซึ่งควรจะต่ออายุได้ตามเดิมหากจ่ายเบี้ย) เป็นการผิดสัญญาและละเลยความรับผิดชอบต่อผู้เอาประกันที่ภักดีมานาน
      • จุดประสงค์ของการซื้อ: การซื้อประกันสุขภาพคือการโอนความเสี่ยงทางการเงิน เมื่อจำเป็นต้องใช้สิทธิกลับถูกลงโทษด้วยการเพิ่มภาระ "ร่วมจ่าย"
      • ภาระทางการเงิน: การร่วมจ่ายสร้างภาระที่ไม่สามารถคาดการณ์ได้ โดยเฉพาะในกลุ่มผู้สูงอายุหรือผู้ป่วยที่มีรายได้จำกัด ทำให้ความสามารถในการเข้าถึงการรักษาพยาบาลลดลง
    เครื่องวัดความดันข้อมือ
    เครื่องวัดความดันแม่นยำสูง ใช้งานง่าย ขนาดเล็ก พกพาได้
  3. กลุ่มที่เห็นด้วยอย่างมีเงื่อนไข (กลุ่มผู้บริโภคที่เคลมน้อยและบริษัทประกัน)
  4.           กลุ่มนี้ประกอบด้วยผู้ที่เคลมน้อยหรือไม่เคยเคลมเลย และบริษัทประกันภัยที่ต้องรับภาระค่าสินไหมทดแทนที่สูงขึ้น

    • ความรู้สึกหลัก: เข้าใจถึงความจำเป็น แต่ต้อง โปร่งใสและเป็นธรรม
    • เหตุผล:
      • ความยั่งยืนของระบบ (Sustainability): กลุ่มนี้เข้าใจว่า หากไม่มีมาตรการควบคุม ค่าสินไหมทดแทนที่สูงจะส่งผลให้เบี้ยประกันสุขภาพเพิ่มขึ้นสำหรับ ทุกคน ดังนั้น การให้ผู้ใช้สิทธิสูงรับภาระร่วมจึงช่วยรักษาสภาพคล่องของบริษัท และทำให้เบี้ยประกันสำหรับผู้เคลมน้อยไม่พุ่งสูงเกินไป
      • ควบคุมพฤติกรรม: มองว่า Co-payment ช่วย ลดการใช้สิทธิเกินความจำเป็น (Over-utilization) เช่น การนอนโรงพยาบาลโดยไม่จำเป็น หรือการไปพบแพทย์ด้วยอาการเล็กน้อย เพราะเมื่อผู้เอาประกันต้องจ่ายเองบางส่วน จะทำให้ตัดสินใจถี่ถ้วนขึ้น
      • ความต้องการ: ข้อเรียกร้องของกลุ่มนี้คือ บริษัทต้องมีเกณฑ์การใช้ Co-payment ที่ชัดเจน เปิดเผย และเป็นธรรม ไม่ใช่การปรับเปลี่ยนแบบตามใจ
    Vitamin
    มัลติวิตามิน บำรุงร่างกาย สุขภาพ ดี แข็งแรง สิว เล็บ บำรุงผม มี อย.
  5. กลุ่มผู้เฝ้าดูและเรียกร้องการกำกับดูแล (กลุ่มสังคมและ คปภ.)
  6.           กลุ่มนี้คือผู้ที่มองภาพรวมของตลาด และเรียกร้องให้หน่วยงานกำกับดูแลเข้ามาแทรกแซงเพื่อรักษาสมดุล

    • ความรู้สึกหลัก: ความกังวลต่อการคุ้มครองผู้บริโภค และ เสถียรภาพของตลาด
    • เหตุผล:
      • บทบาทของ คปภ.: เรียกร้องให้สำนักงาน คปภ. (คณะกรรมการกำกับและส่งเสริมการประกอบธุรกิจประกันภัย) ต้องเข้ามามีบทบาทเชิงรุกในการ กำหนดกติกาที่เป็นมาตรฐาน ไม่ใช่ปล่อยให้แต่ละบริษัทกำหนดเงื่อนไขเอง ซึ่งอาจนำไปสู่การแข่งขันที่ไม่เป็นธรรมและการเอาเปรียบผู้บริโภค
      • ทางออกที่เป็นกลาง: เสนอให้บริษัทเสนอทางเลือกอื่นควบคู่ไปกับการร่วมจ่าย เช่น การเสนอแผนประกันที่มีความคุ้มครองจำกัดวงเงิน (Limit Coverage) เพื่อเป็นทางเลือกสำหรับผู้ที่ต้องการเบี้ยประกันที่ถูกลง
      • การศึกษาข้อมูล: เรียกร้องให้มีการเผยแพร่ข้อมูลที่ชัดเจนเกี่ยวกับอัตราเงินเฟ้อทางการแพทย์ (Medical Inflation) และสัดส่วนค่าสินไหมทดแทน เพื่อให้ประชาชนเข้าใจความจำเป็นของการปรับเงื่อนไขอย่างแท้จริง
Protein Isolate KCM Soy
โปรตีนโกโก้นำเข้าจากเนเธอร์แลนด์ ละลายน้ำง่ายใช้ช้อนคนได้ กลิ่นหอม ไม่สากคอ ไม่เหม็นหืน ทานง่าย

บทสรุป: ความท้าทายและการสร้างสมดุล

          การนำ Co-payment มาใช้เป็นมาตรการที่จำเป็นสำหรับธุรกิจประกันเพื่อให้ระบบ "ยั่งยืน" แต่ในขณะเดียวกัน มันก็สร้างความรู้สึก "ไม่มั่นคง" ให้กับผู้บริโภค

          ความท้าทายที่สำคัญที่สุดคือการ สร้างความสมดุลและความโปร่งใส บริษัทประกันต้องสื่อสารอย่างมีเหตุผลและให้ทางเลือกที่หลากหลายแก่ผู้บริโภค ขณะที่ คปภ. ต้องเข้ามาเป็น ผู้ตัดสินที่เป็นกลางและกำหนดขอบเขต เพื่อไม่ให้เกิดการผลักภาระไปให้ผู้บริโภคที่อ่อนแอฝ่ายเดียว และรักษาความเชื่อมั่นของคนไทยที่มีต่อระบบประกันสุขภาพในระยะยาว

          ไม่ว่าท่านจะอยู่ในกลุ่มที่เห็นด้วยหรือไม่เห็นด้วยกับเงื่อนไข "ร่วมจ่าย" (Co-payment) สิ่งสำคัญที่สุดคือการ วางแผนประกัน ให้สอดคล้องกับความเสี่ยงและสถานะทางการเงินของตนเอง เพื่อให้ได้รับความคุ้มครองที่ยั่งยืน และเพื่อเข้าถึงการรักษาพยาบาลที่ดีที่สุดได้อย่างมั่นใจ หากท่านกำลังมองหาแผนประกันสุขภาพหรือประกันชีวิตที่เหมาะสมกับงบประมาณและเงื่อนไขชีวิตของท่าน ทางที่ดีที่สุดคือการปรึกษาผู้เชี่ยวชาญเพื่อเปรียบเทียบข้อเสนอจากหลายบริษัท สำหรับผู้อ่านที่สนใจ สามารถปรึกษาและตรวจสอบเบี้ยประกันจาก Allinsure ได้โดยตรง ซึ่งมีบริการให้คำแนะนำที่เป็นกลางและครอบคลุม พิเศษ! หากท่านเป็นลูกค้าที่อาศัยอยู่ในพื้นที่จังหวัดจันทบุรี รับสิทธิ์ โปรโมชั่นส่วนลดเบี้ยประกันพิเศษ ทันที เพื่อให้การวางแผนความมั่นคงทางการเงินและการดูแลสุขภาพของท่านเป็นเรื่องง่ายและคุ้มค่าที่สุด ติดต่อ Allinsure เพื่อรับคำปรึกษาและข้อเสนอเฉพาะบุคคลของท่านได้เลยครับ

เช็คเบี้ยประกันภัยรถยนต์ฟรี

วันพฤหัสบดีที่ 16 ตุลาคม พ.ศ. 2568

🔥 Copayment เงื่อนไขใหม่ ที่ทำให้เบี้ยประกันสุขภาพถูกลง (ถ้าเคลมเป็น!)

Copayment

          ในโลกของประกันสุขภาพ คำว่า "Copayment" (การร่วมจ่าย) ได้กลายเป็นประเด็นสำคัญที่ผู้บริโภคชาวไทยควรทำความเข้าใจอย่างลึกซึ้ง โดยเฉพาะอย่างยิ่งหลังจากที่สำนักงานคณะกรรมการกำกับและส่งเสริมการประกอบธุรกิจประกันภัย (คปภ.) ได้เข้ามาวางหลักเกณฑ์ที่ชัดเจนขึ้น ซึ่งมีผลบังคับใช้กับกรมธรรม์ประกันสุขภาพฉบับใหม่ๆ บทความนี้จะอธิบายว่า Copayment คืออะไร มีผลกระทบอย่างไร และเหตุผลเบื้องหลังการใช้เงื่อนไขนี้

🏥 "Copayment" (การร่วมจ่าย) คืออะไร? เจาะลึกเงื่อนไขใหม่ของประกันสุขภาพ ที่คนไทยต้องรู้!

Copayment คืออะไร?

          Copayment (โคเพย์เมนต์) หรือ การร่วมจ่าย คือเงื่อนไขในกรมธรรม์ประกันสุขภาพที่กำหนดให้ผู้เอาประกันภัยมีส่วน ร่วมรับผิดชอบค่าใช้จ่ายในการรักษาพยาบาลบางส่วน ร่วมกับบริษัทประกันภัย

          ในทางปฏิบัติ หมายความว่า เมื่อคุณเข้ารับการรักษาและมีการเคลมค่าใช้จ่าย ผู้เอาประกันไม่ได้โอนความเสี่ยงทางการเงินทั้งหมดไปให้บริษัทประกัน แต่ต้องจ่ายเงินส่วนหนึ่งตามอัตราหรือจำนวนเงินที่ระบุไว้ในสัญญากรมธรรม์

Copayment แตกต่างจาก "Deductible" อย่างไร?

          ผู้คนมักสับสนระหว่าง Copayment กับ Deductible (ค่าความรับผิดส่วนแรก) ซึ่งมีความแตกต่างกันอย่างชัดเจน

คุณสมบัติ Copayment (การร่วมจ่าย) Deductible (ค่าความรับผิดส่วนแรก)
ลักษณะการจ่าย จ่ายเป็น % ของค่ารักษา หรือ จำนวนเงินคงที่ จ่ายเป็น จำนวนเงินคงที่ ต่อรอบปีกรมธรรม์
เวลาที่จ่าย จ่าย ทุกครั้ง ที่มีการเคลม (ในบางกรณี) หรือจ่ายในปีที่มีเงื่อนไข จ่าย ครั้งแรก ที่มีการเคลม (จนกว่าจะครบวงเงินที่กำหนด)
วัตถุประสงค์ ควบคุมพฤติกรรมการเคลมบ่อยเกินไป/ลดภาระเบี้ยประกัน ลดภาระเบี้ยประกัน ทำให้เบี้ยถูกลง/ควบคุมการเคลม

เหตุผลเบื้องหลัง: ทำไม Copayment ถึงมีความจำเป็น?

          คปภ. ชี้แจงว่า การนำเงื่อนไข Copayment มาใช้ (โดยเฉพาะแบบที่ใช้กับการต่ออายุ) มีวัตถุประสงค์หลักเพื่อ รักษาเสถียรภาพของระบบประกันสุขภาพโดยรวม ไม่ใช่เพื่อเอื้อประโยชน์แก่บริษัทประกัน

  1. ชะลอการเพิ่มขึ้นของเบี้ยประกัน: เนื่องจากต้นทุนการรักษาพยาบาลและอัตราเงินเฟ้อทางการแพทย์เพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง การให้ผู้เอาประกันร่วมจ่ายบางส่วนจะช่วยควบคุมการเคลมที่ไม่จำเป็น และทำให้บริษัทประกันไม่ต้องปรับเพิ่มเบี้ยประกันสูงเกินไป
  2. ลดการใช้สิทธิ์เกินความจำเป็น: เพื่อลดพฤติกรรมการเข้าโรงพยาบาลเป็นผู้ป่วยใน (IPD) ด้วยอาการป่วยเล็กน้อยที่สามารถรักษาแบบผู้ป่วยนอก (OPD) ได้ หรือการเคลมบ่อยครั้งด้วยอาการที่ไม่ซับซ้อน
  3. ส่งเสริมความยั่งยืนของระบบ: เมื่อต้นทุนค่าสินไหมทดแทนถูกควบคุมได้ บริษัทประกันก็จะสามารถดำเนินธุรกิจได้อย่างมั่นคง และให้บริการคุ้มครองสุขภาพแก่ประชาชนได้ในระยะยาว

ประเภทของ Copayment ตามแนวทาง คปภ. ล่าสุด

          ตามแนวทางของ คปภ. สามารถแบ่งรูปแบบการใช้ Copayment ออกเป็น 2 ลักษณะหลัก

  1. Copayment แบบสมัครใจ (ตั้งแต่เริ่มต้นทำประกัน)
    • หลักการ: ผู้เอาประกันสมัครใจเลือกซื้อกรมธรรม์ที่มีเงื่อนไขร่วมจ่ายตั้งแต่แรก โดยอาจร่วมจ่ายเป็นเปอร์เซ็นต์ (เช่น 10% หรือ 20%) หรือเป็นจำนวนเงิน (เช่น 10,000 บาทแรก)
    • ข้อดี: ผู้เอาประกันจะได้รับ ส่วนลดเบี้ยประกันภัยที่ถูกกว่า กรมธรรม์แบบเหมาจ่ายเต็มจำนวนทันที
  2. Copayment แบบมีเงื่อนไข (ใช้ในการต่ออายุกรมธรรม์)
  3. รูปแบบนี้คือการที่ผู้เอาประกันภัย ต้องเริ่มร่วมจ่ายในปีถัดไป หากในปีปัจจุบันมีพฤติกรรมการเคลมเข้าข่ายที่กำหนด โดยมีเงื่อนไขหลักที่สำคัญดังนี้

    ลักษณะการเคลมที่เข้าข่าย (ต้องเข้าครบทุกข้อ) ผลที่ตามมา (ร่วมจ่ายในปีกรมธรรม์ถัดไป)
    เคลมผู้ป่วยใน (IPD) ด้วยโรคเล็กน้อย ตั้งแต่ 3 ครั้งขึ้นไป และมีอัตราการเคลมรวม 200% ขึ้นไปของเบี้ยประกันสุขภาพ ร่วมจ่ายค่ารักษา ไม่เกิน 30% ในปีถัดไป
    เคลมผู้ป่วยใน (IPD) ด้วยโรคทั่วไป (ไม่รวมโรคร้ายแรงและการผ่าตัดใหญ่) ตั้งแต่ 3 ครั้งขึ้นไป และมีอัตราการเคลมรวม 400% ขึ้นไปของเบี้ยประกันสุขภาพ ร่วมจ่ายค่ารักษา ไม่เกิน 30% ในปีถัดไป
    หากเข้าทั้งสองกรณี ร่วมจ่ายค่ารักษา สูงสุดไม่เกิน 50% ในปีถัดไป

สรุปผลกระทบต่อผู้บริโภค

  1. ผู้ที่ถือกรมธรรม์เดิม: กรมธรรม์ที่ซื้อและอนุมัติก่อนที่จะมีการบังคับใช้หลักเกณฑ์ใหม่ จะ ไม่มีผลกระทบทันที แต่เงื่อนไข Copayment อาจถูกนำมาใช้ในการต่ออายุสัญญา โดยบริษัทประกันจะต้องระบุเงื่อนไขและแจ้งให้ทราบอย่างชัดเจน
  2. ผู้ที่จะซื้อกรมธรรม์ใหม่: ควรทำความเข้าใจอย่างละเอียดถึงเงื่อนไข Copayment ทั้งแบบสมัครใจ (เพื่อรับเบี้ยถูกลง) และแบบมีเงื่อนไข (เพื่อหลีกเลี่ยงการร่วมจ่ายในภายหลัง)
  3. ผู้ที่มีประวัติเคลมปกติ: ผู้ที่มีพฤติกรรมการเคลมอย่างสมเหตุสมผล และไม่เคลมบ่อยจนเกินเกณฑ์ที่กำหนด จะ ไม่ได้รับผลกระทบ จากเงื่อนไขการร่วมจ่ายในการต่ออายุนี้ และยังคงได้รับความคุ้มครองเต็มจำนวนตามกรมธรรม์

          ข้อแนะนำสำคัญ: การร่วมจ่ายเป็นเครื่องมือในการสร้างวินัยทางการเงินและลดภาระเบี้ยประกันในระยะยาว ผู้บริโภคจึงควรพิจารณาเลือกแผนประกันที่เหมาะสมกับความสามารถในการรับความเสี่ยงและพฤติกรรมการใช้ชีวิตของตนเองมากที่สุด

About